|
บทความคับ ขอบคุณข้อมูลจากเวป ของคุณหมอจรัสพลครับ จรัสพลคลีนิค BTS สะพานควาย คับ
โครงหน้าของชนชาวตะวันออก โดยเฉพาะในแถบประเทศเกาหลี จีน หรือคนไทยทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มักจะพบเห็นโครงหน้า ที่กว้างคางเหลี่ยม โดยจะพบว่ามีขากรรไกรที่กว้าง ใบหน้าแทบจะเป็น 4 เหลี่ยมจตุรัส ( Square face) ซึ่งหนุ่มสาวทั้งหลาย ไม่ค่อยจะชมชอบกันมากนัก เพราะทำให้ดูแตกต่างจากโครงหน้าของชาวตะวันตก ที่ดูเรียวยาวสวยงาม ซึ่งเดิมกา
รเปลี่ยนแปลงโครงรูปหน้าให้เรียวขึ้น จะต้องอาศัยมีดหมอผ่าตัดหั่นขากรรไกร (Mandible) ออก และตัดกล้ามเนื้อที่เกี่ยวข้อง ( Masseter muscle) ซึ่งทำให้เกิดอาการเจ็บปวดหลังผ่าตัด ต้องพักฟื้น และอาจจะมีผลข้างเคียง ได้มากจากการผ่าตัด แต่ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมานี้ ( ประมาณ ค.ศ. 2001) ที่ประเทศเกาหลี ได้เริ่มมีการนำเทคนิคใหม่ในการปรับรูปหน้าเหลี่ยมให้เรียวยาวขึ้น ด้วยการฉีดสาร Botox ซึ่งพบว่าได้ผลดี และกำลังจะได้รับความนิยมแพร่หลายเพิ่มมากขึ้นในประเทศแถบเอเซีย ลองมาดูรายละเอียดกันดีกว่านะครับ
Botox ในยุคนี้ถือว่าเป็นยาฉีดที่มาแรง แซงโค้งมาฮิตติดอันดับหนึ่งของวงการความสวยความงามทั่วโลกทีเดียว โดยหลังจากเดือน พค. 2545 ที่ทาง FDA ของอเมริกา ได้รับรองผลว่าสามารถช่วยแก้ปัญหาริ้วรอยย่น ที่ใบหน้าและลำคอได้ผล และปลอดภัย โดยกลไกการทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ก่อให้เกิดริ้วรอยย่น คลายตัว จนทำให้ 70 กว่าประเทศทั่วโลก ได้ใช้สารนี้ฉีดลบริ้วรอยกันอย่างแพร่หลายในเวลาต่อมา และก็ทำให้มีการทดลอง ประสิทธิภาพด้านอื่นๆ ของ Botox กันอีกมากมาย เช่น การปรับแนวรูปคิ้วด้วยสาร Botox การลดการหลั่งเหงื่อผิดปกติที่ฝ่ามือ และรักแร้ ด้วยการฉีด Botox และล่าสุดก็คือ การปรับโครงหน้าคางเหลี่ยมให้เรียวยาวขึ้น
สาเหตุของคางเหลี่ยม (Square Jaw) เกิดจากการโตของขอบเหลี่ยมกระดูกขากรรไกร หรือเกิดจากการหนาตัวของกล้ามเนื้อ Masseter ที่ทำหน้าที่เกี่ยวกับการเคี้ยวอาหาร และการขบกัดอาหาร ซึ่งมีรายงานทางการแพทย์ และมีการทดลองฉีดสาร Botox ในประเทศ เกาหลี ในกลุ่มคนไข้ของหมอเกาหลี ลงตีพิมพ์ในวารสารการแพทย์ของอังกฤษ (British Journal of Plastic Surgery) พบว่าสามารถทำให้ขนาดใบหน้า และคาง ลดลงได้ถึง 20-30 % โดยมีรายงาน 3-4 รายงาน ตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารดังกล่าว ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ 2001
เทคนิคการฉีด จะฉีดเข้าตรงตำแหน่งของกล้ามเนื้อ Masseter ประมาณข้างละ 5-6 จุดๆ ละ 2-4 ยูนิต แล้ววัดผลขนาดของคางที่เรียวขึ้น ด้วยการทำ CT Scan ขนาดกล้ามเนื้อหลังฉีด พบว่าหลังติดตามผล 3 เดือน จะพบว่าขนาดของคางจะเรียวเล็กลงได้ถึงเฉลี่ยประมาณ 23% แต่ทั้งนี้ก็แตกต่างกันได้ในแต่ละคน อาจจะมากน้อยกว่านี้ได้แล้วแต่ขนาดโตมากน้อยของกล้ามเนื้อและขนาดของขากรรไกร คนไข้ส่วนใหญ่จะพบว่าหลังฉีด 1-2 เดือนแรกจะยังไม่เห็นความแตกต่างมากนัก และเห็นผลชัดเจนเมื่อย่างเข้าเดือนที่ 3 และพบว่าจะต้องมาฉีดซ้ำในเดือนที่ 8-12
ผลข้างเคียงที่พบได้หลังฉีด ก็คือ ทำให้ประสิทธิภาพในการเคี้ยวอาหารลดลงได้ หรือทำให้ลักษณะการยิ้มเปลี่ยนแปลงได้ หรือในบางคนอาจจะ ทำให้โหนกแก้มดูสูงขึ้นได้ ส่วนผลข้างเคียงอันตรายร้ายแรงอื่นๆ ไม่พบในรายงานการทดลอง
จากรายงาน และผลการทดลองดังกล่าว ทำให้ได้มีการทดลองฉีดกันอย่างแพร่หลายในประเทศแถบเอเซีย (รวมทั้งประเทศไทย) เทคนิคในการฉีดและการแก้ไข ได้มีการปรับปรุงพัฒนาอย่างต่อเนื่อง เพื่อลดผลข้างเคียงให้น้อยที่สุด และได้ผลการรักษาที่คนไข้พอใจที่สุด ในความเห็นของผู้เขียน คาดว่าในอนาคตข้างหน้านี้ คงจะได้รับการยอมรับกันมากขึ้นจากทั่วโลก
เรียบเรียงและค้นคว้าโดย นพ.จรัสพล รินทระ................................13 May,2002
เอกสารอ้างอิง
- Smyth AG.Botulinum toxin treatment of bilateral masseteric hypertrophy.British Journal of Oral Maxiilofacial.1994 Feb;32(1): 29-33
- Von Lindern JJ,et al.Botulinum toxin treatment of hypertrophy of the masseter and temporal muscles.Plastic and Reconstructive Surgery Feb 2001;107(2):327-332 |
คะแนน
-
1
ดูบันทึกคะแนน
-
|