ดู: 18866|ตอบกลับ: 52
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

Plastic Surgery Online In trend Update Fashion & Make up

[คัดลอกลิงก์]
ref : Men 's health  , Cleo , Slimming , Cosmatic , Cawaiii

4 เทรนด์ผมใหม่ ดาราฮอลลีวูด

4 แบบ  สไตล์ให้ได้สนุกกันไม่ซ้ำแบบ โดยทรงผมทั้ง 4 นี้กำลังเป้นที่นิยมในหมู่เซเลบริตี้และดาราฮอลลีวูด...

เป็นจริงแล้ว สำหรับคน ที่อยากมีทรงผมสวยอย่างนางแบบนายแบบบนแคตวอล์ก

"เวลล่า" ผู้นำผลิตภัณฑ์ผมระดับอินเตอร์ และผู้กำหนดเทรนด์ แฟชั่นผมโลก   มาพร้อมกับโลโก้ใหม่ซึ่งตอกย้ำความเป็นโปรเฟสชั่นนอล โดยเผย "เทรนด์แฟชั่นผมปี 2009" ที่ไม่เพียงแค่โชว์บนรันเวย์เท่านั้น   แต่สาวๆ สามารถนำมาแต่งเติมให้สวยเก๋และเหมาะกับตัวเองได้ ในคอนเซปต์ "เวลล่า เพอร์ซันนอลไลซ์ด เทรนด์" นำเสนอเทรนด์ผมที่กำลังฮอตฮิตในหมู่เซเลบริตี้และดาราฮอลลีวูดมีอยู่ 4 แบบ ได้แก่ พาสเทล เซอร์วิส (Pastel Service), เซ็นซัส เซอร์วิส (Sensous Service), คริสตัล กลอส เซอร์วิส (Crystal Gloss Service) และคัลเลอร์ แอคเซ็นท์ส เซอร์วิส (Color Accents Service)


พาสเทล

สำหรับเทรนด์ แรก พาสเทล เซอร์วิส เกิดขึ้นจากจินตนาการผ่านมุมมองของโลกที่เต็มไปด้วยความอ่อนโยน โดยดึงโค้งสร้างจากเส้นผม ด้วยความโค้งมนที่งดงาม ความพลิ้วไหวและความเที่ยงตรง ประยุกต์ให้เข้ากับรูปทรงแห่งอนาคต ด้วยผมสั้นความยาวระดับบ่า ซอยไล่ระดับดูพลิ้วไหว มีขอบมุมที่โดดเด่น สีผมเป็นประกายสว่างในโทน "บลอนด์ แพลทินั่ม" เซเลบริตี้ที่ดูดีในลุคนี้คือ วิกตอเรีย เบคแคม, เรเน่ เซลเวเกอร์



เซ็นซัส




ส่วน เซ็นซัส เซอร์วิส เป็นความงามในรูปแบบใหม่ เน้นความงามที่ไม่เรียบหรู ออกมาในรูปแบบผมยาวสลวยปล่อยตามธรรมชาติ เน้นลอนคลื่นที่นุ่มนวลโค้งมน   หรือเก็บผมยาวแล้วปล่อยให้สลวย จัดเป็นคลื่นลอนใหญ่อ่อนๆดูมีมิติ รวมทั้งการเกล้าผมในแบบดั้งเดิม เพิ่มเสน่ห์ให้ทรงผมด้วยประกายสีขิง โทนอุ่นร้อนแรงและประกายสีเข้มผสมผสานของสีเหลือง   น้ำตาลและความชุ่มฉ่ำของสีทองแดง คนดังที่เจิดจรัสในลุคนี้คือ เจนนิเฟอร์ การ์เนอร์, ฮีทเธอร์ เกรแฮม


คริสตัล กลอส




เทรนด์ต่อมาคือ คริสตัล กลอส เซอร์วิส เป็นทรงผมของสาวยุคใหม่ที่ฉีกกฎดั้งเดิม อย่างไร้ขีดจำกัดเป็นอิสระแห่งความคิดสร้างสรรค์   มีการเติมลูกเล่นเป็นแบบเงางาม ใช้เทคนิคการตัดแบบ "ราวด์แอนด์สแควร์ คัทส์" ผ่านการมิกซ์แอนด์แมตช์ของสองโทนสี เช่น ดำ-น้ำตาล, น้ำตาล-บลอนด์ หรือสีเข้ม ที่ผสมผสานกับไฮไลต์เฉดสีน้ำเงินเข้มจัดและสีม่วงแดง ดาราที่ทำในลุคนี้ได้แก่ เคธี่ โฮล์ม



คัลเลอร์ แอคเซ็นท์ส


ปิดท้ายด้วย คัลเลอร์ แอคเซ็นท์ส เซอร์วิส เป็นเทรนด์ที่เน้นความคิดสร้างสรรค์ตามธรรมชาติในทิศทางของความสนุกสนาน   โดยการสร้างบุคลิกใหม่ๆ ที่มีสีสันผ่านไฮไลต์   พร้อมสนุกสนานกับขอบคมของเส้นผมที่ผสมผสานกับปอยผมยาว และซอยไล่เลเยอร์ให้เส้นผมมีความแตกต่างกันและทำให้ดูเด็กลงด้วยเทคนิคเน้นประกายสีผมแบบ 3 มิติ กับสีผมในโทนสีเข้มที่คั่นด้วยไฮไลต์สะดุดตาอย่างประกายน้ำเงินหรือสีม่วงแดงเข้ม ทำให้สวยได้อย่างบียอนเซ่, เอวิล ลาวีน และไรฮันนา...ไม่อยากตกเทรนด์ลองเลือกซักทรง   ที่เหมาะกับคุณๆนะ.


Cleo

คะแนน

4

ดูบันทึกคะแนน

2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:06:10 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีเลือกซื้อคอนซีลเลอร์





คอนซีลเลอร์ คือ เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยปกปิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า และแผลเป็น

คอนซีลเลอร์ คือ เครื่องสำอางที่มีคุณสมบัติช่วยปกปิดจุดด่างดำ กระ ฝ้า และแผลเป็น เช่นเดียวกับครีมรองพื้น แตกต่างตรงที่คอนซีลเลอร์จะใช้ปกปิดร่องรอยบนใบหน้าเท่านั้น คอนซีลเลอร์ มีให้เลือกใช้หลายแบบ ทั้งแบบเนื้อครีม แบบสติก และแบบเนื้อเหลว

- ขอบตาคล้ำ เนื่องจากใต้ตาเป็นส่วนที่บอบบาง คอนซีลเลอร์ที่เหมาะสำหรับใช้ใต้ตา ควรมีความชุ่มชื้นสูง เพื่อการเกลี่ยที่เรียบเนียนและช่วยถนอมผิวใต้ตา คอนซีลเลอร์ที่ใช้สำหรับใต้ตาควรมีเฉดที่อ่อนกว่าสีผิว 1 เฉด ดังนั้นถ้าใช้คอนซีลเลอร์ที่ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา แล้วนำมาทาที่สิว จะทำให้ดูเป็นดวง ๆ

- รอยสิว คอนซีลเลอร์ที่ใช้ปกปิดรอยสิวได้ดี ควรเลือกชนิดที่ให้การปกปิดสูง เนื้อหนา แต่ถ้าจะให้ดียิ่งขึ้นควรใช้คอนซีลเลอร์ที่มีสี และเป็นเฉดสีเขียว เพื่อปกปิดรอยบวมแดงของสิว ถ้าใช้คอนซีลเลอร์ที่เป็นเฉดสีเขียวลดรอยแดงของสิวเรียบร้อยแล้ว ก็ลงคอนซีลเลอร์ที่มีเฉดใกล้เคียงกับผิวลงทับอีกที หรือลงรองพื้นทับก็ได้ แต่ถ้าสะดวกจะเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ที่ทำขึ้นมาโดยเฉพาะเพื่อปกปิดสิวก็ได้

รู้อย่างนี้แล้ว ลองนำวิธีที่แนะนำไปเลือกซื้อคอนซีลเลอร์ให้เหมาะกับตัวเองกันดูได้.
มีข้อมูลดีๆ มาให้ได้อีก อ่ะคัฟ

ถ้าจะดีมากกว่านี้ แถมรูปให้หน่อยจิคัฟ

อิ อิ

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:06:57 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุด kallypaulsmith เมื่อ 2009-6-17 23:08

รองพื้น ..เรื่องพื้นๆที่ไม่ควรมองข้าม   
  

พูดถึงรองพื้น ร้อยทั้งร้อย ต้องเคยลองใช้กันมาบ้างแล้ว แต่เชื่อไหมว่าพอถามถึงการเลือกซื้อ และวิธีการใช้ที่ถูกต้อง กว่าครึ่งละที่ตอบผิด หรือไม่ก็ตอบถูกเพียงบางส่วน ทั้งๆที่วิธีการจริงๆนั้น ง่ายนิดเดียว ไม่เชื่อก็ลองอ่านดู

วิธีเลือกรองพื้น
รองพื้นที่มีขายในท้องตลาดมีอยู่สองสามชนิด คือ รองพื้นแบบลิควิด หรือเนื้อครีม,รองพื้นแบบแป้งเค้กที่ต้องใช้น้ำเวลาทา และรองพื้นแบบใหม่ล่าสุด ที่ทำออกมาเป็นแท่งสติ๊ก พกพาสะดวก

รองพื้นแต่ละชนิดมีข้อดีข้อเสียแต่กต่างกัน คือ

รองพื้นแบบลิควิดหรือครีม เมื่อทาจะทำให้ผิวสว่างขึ้นเล็กน้อย ใช้ได้ทั้งกับคนผิวแห้งและผิวมัน

รองพื้นแบบแป้งเค้กผสมน้ำ ทำให้หน้าหมองลง แต่เหมาะกับผิวที่มีปัญหา และผิวไม่ค่อยเรียบ เพราะช่วยให้ผิวดูเนียนนุ่มขึ้น และเหมาะกับคนที่มีผิวมัน

รองพื้นแบบสติ๊ก เหมาะที่จะใช้เติมในเวลาเร่งรีบ แต้มตามจุดที่ต้องการได้ทันที แต่เนื้ออาจจะไม่ละเอียดเท่าแบบอื่น

ตัดสินใจได้แล้วว่าจะเลือกรองพื้นแบบไหน คราวนี้ก็มาถึงเรื่อง สีของรองพื้น ข้อผิดพลาดที่คนส่วนใหญ่เป็น คือ เลือกรองพื้นสีอ่อนเกินไป ทำให้สีของผิวหน้าดูซีดเซียว ไม่มีชีวิตชีวา และดูไม่เป็นธรรมชาติ

ทริคง่ายๆ คือ ถ้าสีผิวของคุณค่อนข้างขาวอยู่แล้ว ให้เลือกรองพื้นที่เฉดสีเข้มกว่าสีผิว 1 สเต็ป แต่ถ้าผิวของคุณค่อนข้างคล้ำ ให้เลือกรองพื้นตามสีผิว หรือให้ใกล้เคียงที่สุด

สำหรับlสาวๆหนุ่มๆที่ผิวสีน้ำตาล แบบชาวเอเชียทั่วไป ควรหลีกเลี่ยงเครื่องสำอางที่มักออกคอลเลคชั่นสีชมพู หรือเทา เพราะรองพื้นของเครื่องสำอางยี่ห้อเหล่านี้ ก็จะทำออกมาให้เข้ากับสีของเครื่องสำอาง ซึ่งไม่เข้ากับผิวแบบเราๆ ใช้แล้วจะดูหลอกตา และทำให้หน้าหมอง

เทสต์ก่อนซื้อ
ถ้าดูด้วยตาเปล่ายังไม่มั่นใจว่าสีที่เลือกจะเหมาะกับผิวจริงๆ แนะนำว่า ให้ลองขอสินค้าตัวอย่างมาเทสต์กับผิวดูก่อน ถ้าคุณไม่ได้แต่งหน้าอยู่แล้ว ลองกับผิวหน้าดีที่สุด โดยทารองพื้นลงบนแนวโหนกแก้ม แต่ถ้าเผอิญแต่งหน้าอยู่แล้ว ให้เทสต์ที่ท้องแขน เพราะเป็นบริเวณที่โทนสีใกล้เคียง กับใบหน้าและลำคอมากที่สุด (อย่าลองกับหลังมือ เพราะสีและสภาพผิวแตกต่างจากใบหน้ามาก)

เมื่อทารองพื้นลงไปแล้ว รอเวลาให้สีของรองพื้นแห้ง และทำปฎิกริยากับผิวประมาณ 1 นาที แล้วขอให้เดินออกมาเช็คกับแสงธรรมชาติ (เพราะแสงไฟมักหลอกตาให้เราเห็นสีผิดเพี้ยนจากของจริง )

รองพื้นที่ดีจะต้องกลมกลืนกับสีของใบหน้าและลำคอ ชนิดที่เรียกว่าทาแล้วหายเข้าไปในผิว ไม่ใช่ทาแล้วเหมือนกับใส่หน้ากากอยู่อีกชั้น

ใช้รองพื้นให้ถูกวิธี

กันเส้นผมจากใบหน้า อย่าให้มีตกลงมารกหน้าผาก

ทำความสะอาดผิวหน้าและลำคอ

ทามอยส์เจอร์ไรเซอร์ รอ 5 นาทีให้เนื้อครีมซึมสู่ผิว

ถ้าใช้รองพื้นแบบแป้งเค้ก ให้เอาฟองน้ำชุบน้ำพอหมาดๆ (ความเข้มข้นของเนื้อแป้งขึ้นอยู่กับปริมาณน้ำในฟองน้ำ ถ้าอยากให้เนื้อแป้งเจือจางก็เหลือน้ำไว้มากหน่อย ถ้าอยากให้เข้มข้นก็บิดน้ำออกมากๆ)

ใช้ฟองน้ำแตะเนื้อแป้งลงตามบริเวณใหญ่ๆ (แก้ม/หน้าผาก/คาง) ระวังอย่าลงรองพื้นมากช่วงตีนผม

ค่อยๆเกลี่ยให้เสมอกัน เรื่อยลงไปจนถึงลำคอ

ถ้าใช้รองพื้นแบบครีม/ลิควิด อุปกรณ์ที่ดีที่สุดคือนิ้วมือ เกลี่ยให้เรียบอย่างเบามือ โดยเกลี่ยวนเป็นวงจากตรงกลางออกมาจนทั่วใบหน้า

ต่อจากการลงรองพื้น สำหรับคนที่ผิวมีจุดด่างดำและริ้วรอย ก็แต้มคอนซีลเลอร์ตามลงไป และจำไว้เสมอว่าเมื่อลงรองพื้นแล้ว แป้งที่ใช้ควรเป็นชนิดใส ไม่มีสี ให้กลมกลืนกับรองพื้น เพราะการใช้แป้งที่มีสีเติมลงไปอีก จะไปบิดเบือนสีผิวจริง และทำให้ดูหลอก
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:09:45 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เกร็ดวิธีแต่งหน้าให้ผิวดูสวยเอง เหมือนไม่ได้แต่ง   
  
การแต่งหน้าทารองพื้นแล้วจะให้ผิวดูใสเหมือนไม่ได้ทาอะไรไว้นั้นจำเป็นต้องเตรียมผิวให้ดีเสียก่อน


เริ่มด้วยการล้างหน้าตลอดจนลำคอด้วยนมหรือครีมล้างหน้า แล้วขัดผิวด้วยผง หรือครีมสำหรับขัดผิวหน้า โดยไม่ต้องออกแรงมาก ถูเบา ๆ ก็พอ เพื่อให้ผิวส่วนที่กำลังจะลอกหรือยังขรุขระอยู่หลุดออกไป ผิวจะเนียนขึ้นแยะ


ต่อไปใช้แปรงถูฟันของเด็กเล็ก แปรงริมฝีปากเบา ๆ โดยรอบ เพื่อให้ริมฝีปากเกลี้ยง นุ่มเนียนและมีสีเลือดฝาดขึ้นตามธรรมชาติ โดยมีครีมทาริมฝีปากก็ทาบำรุงไว้ตอนนี้เลย


ใบหน้าส่วนอื่นและคอให้ชโลมด้วยม้อยส์เจอร์ไรเซอร์ ปล่อยม้อยส์เจอร์ไรเซอร์ทำความชุ่มชื้นไว้บนผิวสัก 5 นาที นำกระดาษทิชชูมาซับครีมส่วนเกินออก จากตรงนี้บางคนที่มียาทาก่อนรองพื้น เรียก Foundation Primer ก็อาจทา Primer ให้ทั่วเพียงบางเบาได้ สิ่งนี้มีคุณสมบัติที่จะทำให้ผิวลื่นและเรียบ เพื่อช่วยให้รองพื้นซึ่งแม้จะทาเพียงบาง ๆ อยู่ติดทน และเกลี่ยบนผิวได้ง่ายขึ้น


เกร็ดที่ควรรู้อีกข้อหนึ่งคือ อย่าแตะรองพื้นไว้เป็นจุด ๆ บนผิวหน้า เพราะในรองพื้นมีพิกเมนต์สีอยู่มาก เม็ดสีนี้จะถูกดูดซับลงในผิวเร็ว เป็นเหตุให้จุดเหล่านั้นเห็นชัดกว่าส่วนอื่น ผิวเลยดูเหมือนสีไม่เสมอกัน ทางที่ดีใส่รองพื้นลงบนฝ่ามือแล้วใช้ฟองน้ำชื้น (สำหรับทารองพื้น) แตะไป ไล้ไปทางตีนผม อย่าทาย้อนไปมา


ส่วนบริเวณรอบดวงตาซึ่งผิวบางมากนั้น ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะรองพื้นที่ทาทับเพิ่มไปเพียงแค่ครั้งเดียว ก็จะแลเห็นได้ มันจะแทรกลงไปแถวร่องผิว แม้จะอายุน้อย ก็จะดูเสมือนมีรอยย่นอย่างละเอียด เขาจึงนิยมใช้รองพื้นพิเศษสำหรับตา หรือถ้าเป็นรองพื้นหน้า ก็ให้เลือกสีเข้มขึ้นอีกหนึ่งเฉดสี แตะใส่เบา ๆ แล้วใช้แป้งแข็งแตะทับตรงนั้น


สำหรับคนที่มีจุดด่างดำ ใช้คอนซีลเลอร์สีอ่อนอันหนึ่ง สีแก่อันหนึ่ง ใส่ไว้บนหลังมือเพื่ออาศัยไออุ่นจากมือทำให้มันอ่อนตัว ใช้แปรงปลายเล็กผสมสีบนหลังมือ จนสีเข้ากันได้สนิทกับสีผิวหน้าของผู้นั้น แล้วทาเฉพาะตรงรอยที่ต้องการปิด จะไม่มีร่องรอยดำเหลือให้เห็นได้เลย ผิวหน้าจึงจะดูใสและสวยเสมอกันเหมือนไม่ได้เคลือบไว้ด้วยอะไร


ขั้นตอนสุดท้ายใช้แป้งฝุ่นสีใส (Translucent) แตะ ๆ บนผิวด้วยพัฟชนิดแบน อย่าใช้พัฟถูผิว เพราะรองพื้นจะถูกเช็ดออก ปัดฝุ่นแป้งที่อาจมีหลงเหลือด้วยแปรง สำหรับใช้เกลี่ยแป้ง การที่ต้องใช้แป้งฝุ่นทับรองพื้นก็เพื่อให้รองพื้นติดทน
6#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:10:48 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ซื้อเครื่องสำอางอย่างไรดี   
  
คุณรู้แล้ว่าต้องการซื้ออะไร ในลิสต์หน้าโต๊ะเครื่องแป้งเขียนไว้ชัดแล้วว่า เครื่องสำอางชิ้นใดอยากได้เป็นอันดับหนึ่ง ชิ้นไหนอันดับสอง

ต่อไปนี้เป็นเทคนิคการซื้อเครื่องสำอางหน้าเคาน์เตอร์ เพื่อให้การช้อปปิ้งครั้งนี้คุ้มค่าที่สุด

ไม่จำเป็นต้องซื้อเครื่องสำอางทั้งเซ็ต คุณน่าจะได้ใช้ผลิตภัณฑ์หลากหลายจากเครื่องสำอางที่ต่างเซ็ตกัน

ก่อนซื้อเช็กดูว่าคุณมีผิวประเภทไหน ผิวมัน ผิวแห้ง หรือผิวผสม

ลองถามหาสินค้าตัวอย่างแจกฟรี และเอาไปให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ ไม่ต้องกลัวพนักงานขายค้อนเอาหรอก

อย่าเทียบสีโดยใช้แสงไฟในเคาน์เตอร์ ถ้าเป็นไปได้ ออกจากร้านไปหาบริเวณที่แสงธรรมชาติ จะได้รู้ว่าสีแท้จริงของเครื่องสำอางเป็นสีอะไร

อย่าลองรองพื้น หรือสีของเมคอัพบนหลังมือ เพราะสีผิวตรงนี้ต่างจากสีผิวหน้า ลองบนขากรรไกร ถ้ามันกลมกลืนเป็นเนื้อเดียวกับผิว นั่นแหละสีที่เหมาะกับคุณ

บอกพนักงานว่าคุณมีงบเท่าไหร่ เขาจะได้เลือกผลิตภัณฑ์ที่เหมาะและคุ้มค่ากับงบดังกล่าว

ซักถามข้อสงสัยให้มากที่สุด อย่าซื้อของที่คุณไม่รู้คุณสมบัติของมัน ถ้ารีบซ้อโดยมาค้นพบทีหลังว่าไม่ได้ใช้มันเลย เท่ากับเงินของคุณสูญเปล่า เพราะบริษัทเครื่องสำอางส่วนใหญ่ไม่รับเปลี่ยนคืน

ประเมินอารมณ์ของคุณก่อนออกไปช้อปปิ้งด้วย ถ้าออกไปด้วยอารมณ์สนุกสนานก็ดีไป แต่ถ้าอารมณ์หดหู่ หรือไม่กระตือรือร้น อย่าไปช้อปปิ้งเลย เปลี่ยนไปดูหนังแทนเถอะ ไม่งั้นจะมานั่งเสียใจ และสงสัยตัวเองว่าวันนั้นซื้อของอย่างนี้ไปได้ยังไง

ถ้าตอนนี้บริษัทเครื่องสำอางผลิตสินค้าชนิดที่คุณชอบไปซะแล้ว ลองมองหาซาลอนยุคใหม่ที่เขาสามารถผสมเครื่องสำอางให้คุณได้ใช้ได้ตามความพอใจ

แปรงแต่งหน้าที่ทำจากเส้นใยธรรมชาติ ดีกว่าจากเส้นใยสังเคราะห์ ตรงที่นุ่มกว่า และแน่นอนราคาแพงกว่า แปรงจะมีอายุการใช้นานขึ้นถ้าคุณดูแลอย่างถูกวิธี

เราสามารถประหยัดเงินได้เยอะถ้าซื้อเครื่องสำอางบางชนิดในร้านขายยา

ถ้าซื้อเครื่องสำอางมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าจะใช้มันให้ได้ผลดีที่สุดอย่างไร ก็หาทางเรียนรู้เทคนิคการแต่งหน้าจากเมคอัพอาร์ทิสต์ชื่อดัง ผ่านรายการโทรทัศน์ หรือนิตยสารต่าง ๆ ดูสิ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:12:40 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุด kallypaulsmith เมื่อ 2009-6-17 23:16










วันนี้ไปเจอเว็บของญี่ปุ่นซึ่งเจ๋งมากๆ มีวิธีการเซ็ทผมหลายแบบเลยทีเดียว และที่สำคัญมีวิธีการเซ็ทอย่างละเอียด พร้อมคลิ๊ปวีดีโอสอนด้วย ว่าแล้วก็ลองเลือกทรงกันเลยดีกว่า

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_spiky.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_shake.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_loose.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_airrise.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_wet.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_mat.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sl_ult.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sl_hold.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sp_hold.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_spiky.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_shake.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_loose.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_airrise.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_wet.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/mr_mat.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sl_ult.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sl_hold.html

http://www.gatsby.jp/products/howto/sp_hold.html



เป็นไงกันบ้าง เซ็ทแล้วลองถ่ายรูปมาอวดกันบ้างนะ

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:19:29 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุด kallypaulsmith เมื่อ 2009-6-17 23:21

เลือกแป้งให้ถูกกับผิว   
  
ทุกครั้งที่คุณต้องการความนวลเนียนสำหรับการแต่งหน้า การเลือกใช้แป้ง ก็คืออีกหนึ่งขั้นตอนที่มีความสำคัญไม่แพ้กัน ซึ่งในปัจจุบันมีแป้งให้คุณเลือกอยู่มากมายหลายชนิด และแต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติเด่นที่แตกต่างกัน ลองดูสิคะว่า ผิวของคุณจะเหมาะกับแป้งชนิดใด

1. ปรับผิวหน้าให้ขาวกระจ่างใส ดูเป็นธรรมชาติ ถ้าคุณคือหญิงสาววัยสดใสที่มีสุขภาพผิวดีอยู่แล้วแนะนำให้ใช้แป้งฝุ่นชนิดมีประกาย โดยให้คุณลูบไล้เนื้อแป้งด้วยแปรงให้ทั่วผิวหน้า แล้วจึงปัดซ้ำอีกครั้งตามบริเวณที่ต้องการความโดดเด่นเป็นพิเศษ เช่น ช่วงหน้าผาก ใต้ตา และจมูก จะช่วยให้ใบหน้าดูดีมีมิติยิ่งขึ้น นอกจากนั้นแป้งชนิดนี้ยังสามารถใช้เติมในช่วงระหว่างวัน เพื่อเพิ่มประกายความเปล่งปลั่งนวลเนียนอีกด้วย

2. อำพรางรูขุมขน ให้ผิวดูเรียบเนียน สำหรับสาวที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง หรือสภาพผิวที่หยาบกร้าน ควรเลือกใช้แป้งชนิดฝุ่นอัดแข็ง เพราะจะให้เนื้อแป้งที่เนียนละเอียด ทั้งยังช่วยปกปิดร่องรอยต่าง ๆ บนใบหน้าได้อย่างแนบเนียนเป็นธรรมชาติ โดยคุณควรเลือกแป้งชนิดนี้ขณะที่ผิวหน้าแห้งสนิท ทั้งนี้เพื่อป้องกันการเกิดคราบต่าง ๆ

3. ให้ผิวดูนวลเนียน และลดความมันส่วนเกิน ส่วนคนที่มีสภาพผิวผสมถึงผิวมัน แนะนำให้คุณเลือกใช้แป้งฝุ่น ซึ่งจะทำให้อณูแป้งที่เนียนละเอียด และบางเบามากที่สุด ช่วยในการดูดซับความมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้แป้งชนิดฝุ่นยังเหมาะสำหรับกดซับหลังทารองพื้น เพื่อทำให้เนื้อรองพื้นติดทนนาน และดูเป็นธรรมชาติ

4. แก้ไขปัญหาผิว ทำให้ผิวเปล่งประกาย ผิวหน้าที่ดูหมองคล้ำ ขาดความเปล่งปลั่งสดใส หรือมีรอยจ้ำแดง ควรปรับสีผิวให้ดูเปล่งปลั่งและเนียนเรียบซะก่อน ด้วยแป้งชนิดสามสีในตลับเดียว เพื่อช่วยลดเลือนรอยคล้ำ หรือรอยแดง ทั้งยังสามารถใช้แป้งชนิดนี้แทนไฮไลต์ หรือบลัชออนเพื่อเน้นรูปหน้าให้ดูสวยเด่นได้ด้วย


Beauty Tips


ทุกครั้งก่อนเลือกใช้แป้ง ควรรอให้มอยส์เจอไรเซอร์หรือรองพื้นที่เริ่มแห้งสักครู่ ทั้งนี้เพื่อช่วยป้องกันการเกิดคราบหนาเมื่อทาแป้ง


ก่อนเลือกใช้แป้งซ้ำในช่วงระหว่างวัน ควรซับผิวหน้าด้วยกระดาษซับมันซะก่อน เวลาทาแป้งทับจะได้ไม่เกิดคราบต่าง ๆ


หลีกเลี่ยงการใช้แป้งในปริมาณมาก ๆ บริเวณเปลือกตา เพราะจะทำให้ทาอายแชโดว์ไม่ติดทนนาน


หากมีริ้วรอยแห้งบริเวณใต้ตา ไม่ควรใช้แป้งชนิดที่มีประกายเกลี่ยในปริมาณที่มากเกินไป เพราะจะยิ่งเน้นให้เห็นริ้วรอยเด่นชัดยิ่งขึ้น
9#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:23:11 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขล่าสุด kallypaulsmith เมื่อ 2009-6-17 23:28

วิธีเลือกสีผม ด้วยสีผิวเราเอง


ผิวขาวอมชมพู ผิวสีนี้ดูมีสุขภาพดี สีผมที่เหมาะกับคุณคือ เฉดสีบลอนด์ ควรเลือกสีบลอนด์ประกายหม่น หรือโทนน้ำตาลทอง และทองแดงประกายน้ำตาล แล้วเสริมด้วยการทำไฮไลต์โทนอ่อนกว่าหนึ่งระดับเพื่อช่วยให้ผิวดูไม่ซีดเกิน ไป

ผิวขาวอมเหลือง สีผิวนี้ทำให้ใบหน้าดูซีดเซียวหรือเหนื่อยล้าไม่สดใส จึงควรเลือกทำสีผมโทนสีแดง เช่น ประกายม่วงเหลือบแดง น้ำตาลแดงประกายม่วง หรือแดงเข้มประกายแดง

ผิวสองสีหรือสีน้ำผึ้ง เหมาะกับผมโทนสีทอง เช่น สีส้ม น้ำตาลทองเคลือบประกายทอง สีน้ำตาลอ่อนไปจนถึงสีเนื้อ หรือทำไฮไลต์สีน้ำตาลอ่อนไล่ระดับ เพื่อช่วยให้ใบหน้าดูสว่างขึ้น

ผิวสีแทน ผิวคล้ำหรือผิวสีเข้ม เหมาะกับผมสีน้ำตาลแก่ น้ำตาลช็อกโกแลต สีมอคค่า และควรเพิ่มประกายทองแดง หรือเพิ่มมิติด้วยไฮไลต์ไล่ระดับ เพื่อขับให้สีผิวไม่ดูคล้ำจนเกินไป
10#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:27:25 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เลือกย้อมผมเพิ่มเสน่ห์


การย้อมสีให้ผม และการเลือกย้อมสีผมให้เหมาะกับทรงผมของเรา จะยิ่งช่วยเสริม

สร้างบุคลิกภาพและสร้างความน่าสนใจให้ทรงผมของเรามากยิ่งขึ้น อิทธิพลของสีย้อมผม

ทำให้บุคลิกภาพของแต่ละคนนั้นดูแตกต่าง การทำสีผมที่เหมาะสมกับตนเองส่งให้

บุคลิกภาพของแต่ละบุคคลนั้นมีความเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีขึ้น แต่ในทางกลับกัน  

อาจจะดูไม่ดีก็ได้หากเลือกสีผมที่ไม่เหมาะสมกับสีผม รูปหน้า และบุคลิกภาพของตัวเอง  

          นอกจากนี้ การทำสีผมมีอิทธิพลทำให้มีบุคลิกภาพที่แตกต่างกันแล้ว บาง

ครั้งการทำสีผมอาจทำให้รูปหน้าปลี่ยน เพราะบางครั้งผมที่มีสีอ่อนจะช่วยลด

ความแข็งกระด้างของรูปหน้าและแววตาลงทำให้มีมาดที่สุขุมมากขึ้น บางครั้งการ

ย้อมผมสีอ่อนๆ อย่างเช่น

          สีน้ำตาลอ่อน อาจทำให้บางคนมีใบหน้าที่สว่างสดใสมากขึ้นด้วย เมื่อ

อิทธิพลของสีย้อมผมมีมากมายอย่างนี้แล้ว ลองมาดูแฟชั่นสีย้อมผมกันบ้าง
  
          สีย้อมผมที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้มีอยู่ 4 แนวที่อิงกับธรรมชาติ คือ  

            - สีแนวเทอร์ราค็อตต้า (Terracotta) เป็นสีที่เกิดจากดินธรรมชาตินำมาปั้นเป็น

ก้อนอิฐ ได้แก่ สีน้ำตาลอมแดง น้ำตาลอมทอง เป็นต้น แต่ในการหยิบยกนำมาย้อมผม

คงเป็นสีเดียวโดดๆ เท่ากันตลอดทั้งศีรษะคงไม่เกิดความสวยงาม ถ้าจะให้เหมาะ

สมควรทำให้สีมีมิติ มีความเข้มความอ่อน สลับที่กันอยู่เพื่อให้เกิดความสวยงามที่มาก

ขึ้น  
            
           - สีแนวโมร็อกโก มิวส์ (Morocco Muse) เป็นชื่อของสถานที่แห่งหนึ่งรวม

บรรยากาศของสีไว้ค่อนข้างเยอะแต่ยังอิงธรรมชาติ ซึ่งมีโทนสีคล้ายๆ กับเทอร์รา

ค็อตต้า ได้แก่ สีน้ำตาลแดง สีน้ำตาลอมส้ม หรือสีอิฐ

           - สีแนวริเวียร่า ไซเรน (Riviera Siren) เป็นทะเลทางชายฝั่งไมอามี เป็นโทนสีที่

สดใสตัดกัน อย่างเช่น สีโทนดำ และทำสีผมไล่เฉดสี อย่างเช่น สีพื้นธรรมชาติอาจจะ

ออกโทนดำ และตัดกับสีเหลืองทำเป็นเส้นเล็กๆ แซมอยู่ในปอยผม สีพื้นน้ำตาลอ่อนแต่

มีลูกเล่นผมบางปอยที่ตัดกันเพื่อเน้นความเด่นของทรงผมด้วย

           - สีแนวละติน ดีว่า (Latin Diva) ในความเป็นละตินดีว่า  คือสีแห่งความร้อนแรง

ที่มีการผสมผสานกันระหว่างหลากหลายวัฒนธรรมเข้าไว้ด้วยกัน โทนสีที่อึมครึมได้แก่  

สีม่วง แดง เขียว เป็นต้น  


        เทรนด์สีผมที่ได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบัน คือ เป็นสีผมที่มีหลายสีผสมกันไป  

เพื่อให้เกิดความสวยงามบนเส้นผม เนื่องจากคนเรามีสีผิวที่ไม่เหมือนกัน ดังนั้นการ

ทำสีผมของมนุษย์เราจึงค่อนข้างมีความหลากหลายเพื่อให้คนได้เลือกเนรมิตเปลี่ยนสี

ผมของตัวเองตามความพอใจและความเหมาะสมของแต่ละคน  


        สำหรับผู้ที่นิยมการเปลี่ยนบุคลิกของตัวเองด้วยการทำสีผม การเลือกสีย้อมผมให้

เหมาะสมนั้นควรเลือกให้เหมาะกับรูปหน้า ทรงผม และสีผิวของตัวเองเป็นหลัก เพราะ

โดยปกติสีน้ำยาย้อมจะมีหลากสีสันให้เลือก ส่วนใหญ่ผู้ที่กำหนดเทรนด์สีผม รวมทั้งนัก

ออกแบบทรงผมมักได้แรงบันดาลใจมาจากสีที่อิงธรรมชาติอย่างที่กล่าวมา แต่ในบาง

ครั้งการเลือกสีย้อมผมให้เหมาะกับตัวเองและดูดีก็ควรดูให้เหมาะสมกับอาชีพและ

กาลเทศะด้วย เพราะบางอาชีพคงไม่เหมาะนักกับการรรใช้สีย้อมผมที่ดูตัดกันหรือมีสีที่

ฉูดฉาดจนเกินไป
11#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:27:41 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เคล็ดลับการรักษาและดูแลเส้นผมหลังย้อมจากลอรีอัล โปรเฟสชั่นแนล

        การดูแลเส้นผมก่อนการทำสี  

        1. ก่อนการทำสีผม คุณควรตรวจดูให้มั่นใจว่าหนังศีรษะของคุณไม่มีแผลหรือรอย

ฟกช้ำใด  

        2. หากคุณคาดว่าจะมีอาการแพ้จากการทำสีผม ควรให้ช่างผมระดับมืออาชีพของ

คุณทดสอบการแพ้ด้วยสีผมที่ท้ายทอย หรือหลังใบหูก่อนการทำสีผม  

        3. ไม่ควรสระผมหรือเกาหนังศีรษะก่อนการทำสีเพราะการสระผมจะทำให้น้ำมัน

ธรรมชาติบนหนังศีรษะถูกทำความสะอาดออกไป และอาจทำให้คุณเกิดการระคาบเคือง

ขณะทำสีได้  

        4. หลังการทำสีผม คุณควรหลีกเลี่ยงการสระผม 2 วัน เพื่อให้สีผมติดทนทาน  


        การบำรุงเส้นผมหลังการทำสี  

       1. การอบไอน้ำ (สำหรับผมที่อ่อนแอหรือรู้สึกว่าแห้งกระด้าง) เพราะการอบไอน้ำ

เป็นการบำรุงผมด้วยสารบำรุง ที่สามารถแทรกซึมเข้าไปถึงโซนเกล็ดผมที่ช่วยบำรุงชั้น

เซราไมด์ตามธรรมชาติให้คืนความนุ่มลื่นและทำให้เกล็ดผมปิดและเรียงตัวกันได้ดีขึ้น

หลังการอบไอน้ำชนิดของเซรั่มสำหรับการอบไอน้ำนั้นมีสำหรับผมหลายประเภท ได้แก่  

ผมทำสี ผมดัด ผมที่ต้องการวอลุ่มผมที่ผ่านการกัดสีและอ่อนแอมาก เพราะฉะนั้นคุณจึง

ควรเลือกชนิดของเซรั่มที่ตรงกับสภาพผมของคุณมากที่สุด  

        2. การใช้แชมพูและครีมนวดผมหรือมาสก์บำรุงเป็นประจำ สำหรับการใช้แชมพู

นั้น คุณควรใช้แชมพูสำหรับผมทำสีโดยเฉพาะเพราะทุกครั้งที่ผมของคุณโดนน้ำหรือ

ความชื้น ผิวผมและเกล็ดผมของคุณจเปิดอ้าและ  ทำให้สีผมนั้นหลุดออกมาตามชั้น

เกล็ดผมได้ แต่ถ้าคุณใช้แชมพูเพื่อการทำสีผมโดยเฉพาะจะช่วยไม่ให้เม็ดสีหลุดออก

มา และช่วยถนอมสีผมให้ติดทนนาน นอกจากนั้นแชมพูและครีมนวดผมสำหรับผมทำสี

นั้น จะมีสารบำรุงที่มากกว่า และเหมาะสมกับผมที่ได้รับความอ่อนแอจากการทำสีผม

มากกว่าแชมพูสำหรับผมชนิดอื่นๆ

        3. การทำทรีตเมนต์ให้กับผมด้วยการสปาผม สมัยนี้มีการเปิดสปาผมกันอย่าง

แพร่หลายในร้านซาลอนระดับสูง ซึ่งคุณสามารถขอรับบริการเพื่อการบำรุงผมที่เฉพาะ

กับชนิดและปัญหาของเส้นผมและหนังศีรษะของคุณ เช่น ผมแห้งตามธรรมชาติ ผมที่

อ่อนแอจากการทำเคมี การทำทรีตเมนต์เพื่อบำรุงหนังศีรษะมัน และอับชื้นการบำรุง

เส้นผมดัด เป็นต้น  


       เคล็ดลับการดูแลเส้นผม           

        1. คุณควรเช็ดผมให้แห้งหมาด 70-80% ก่อนการใส่ครีมนวด เพราะถ้าเส้นผมของ

คุณยังเปียกด้วยน้ำนั้น  หมายความว่าครีมนวดจะไม่สามารถแทรกซึมผ่านน้ำเข้าใน

เกล็ดผมได้ เปรียบเทียบผมเหมือนฟองน้ำ ถ้ามีน้ำอยู่ในฟองน้ำ ฟองน้ำนั้นก็จะไม่

สามารถซับน้ำเข้าไปได้อีก  

        2. ควรทิ้งเวลาใช้ครีมนวดตามที่ผลิตภัณฑ์แนะนำ เพราะเป็นเวลาที่ได้รับการ

วิจัยมาแล้วว่าได้ประสิทธิภาพมากที่สุด  

       3. ทุกครั้งที่คุณเช็ดผมหลังการสระผม ควรใช้วิธีซับผมให้แห้ง ไม่ควรใช้วิธีการถู

หรือเช็ดอย่างรุนแรง  เพราะจะทำให้เส้นผมที่เปียกและอ่อนแออยู่นั้นเกิดความเสีย

หาย และทำให้เกิดผมแตกปลายได้ง่าน  

       4. ควรเลือกผลิตภัณฑ์เพื่อการทำสีที่สามารถบำรุงผมได้ทั้ง 3 โซน ได้แก่ ชั้นผิว

ผม ชั้นเกล็ดผม และชั้นแกนผม  เพื่อรักษาและบำรุงเส้นผมของคุณให้แข็งแรง นุ่ม

สลวย และเงางามอยู่เสมอหลักการทำสี  
     
        หมายเหตุ ไม่มีผลิตภัณฑ์แชมพูหรือครีมนวดใดในโลกที่สามารถเข้าถึงแกนผม

ได้ มีเพียงการบำรุงด้วยผลิตภัณฑ์สำหรับผมทำสีเท่านั้นที่สามารถบำรุงเข้าถึงแกนผม



ข้อมูล  อสมท
12#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:38:24 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
อัพเดท! เทรนด์แฟชั่นที่กำลังมา เป็นลายคลาสสิคที่ไม่มีทางเอาท์แน่นอน เพราะหนุ่มๆสาวๆจะหยิบมาใส่ได้เรื่อยๆ นั้นคือ เสื้อลายขวางเพราะกระแสของเนื้อผ้าลายทางและลายตารางหมากรุกกำลังมาแรง ยิ่งเมื่อสอดส่ายสายตามองไปตามแผนกเสื้อผ้าหนุ่มๆ ก็มักจะเห็นลายเหล่านี้ ถูกแต่งอยู่บนตัวหุ่นให้เห็นทั่วทุกแบรนด์ ซึ่งได้แรงบันดาลใจจากกะลาสีเรือนั่นเอง วันนี้ มีวิธีการมิกซ์แอนด์แมทช์ ลายขวางมาแนะนำ




แฟชั่น ลายขวาง



เริ่มที่คนตัวเล็ก ควรเลือกลายขวางตาเล็ก ๆ ถี่ ๆ จะช่วยให้คุณดูมีเนื้อมีหนังขึ้น

คนร่างท้วม ควรเลือกลายขวางท่อนบนแล้วใต้อกต่อด้วยผ้าสีพื้นด้านล่าง สำหรับสาวๆถ้าเป็นชุดเดรส ควรเลือกลายขวางบนเสื้อหรือ กระโปรงอย่างใดอย่างหนึ่ง

ส่วนสาวๆคนไหนที่อยากอกใหญ่ ควรใส่ลายขวางสีอ่อนๆคาดตรงหน้าอกพอดี รับรองว่าขนาดดูเพิ่มในทันตา และ

สาวที่อยากให้อกเล็กลง ให้สวมเสื้อลายขวางคอวีหรือแบบซิปผ่าหน้ารูปตัววี ควรเลือกแบบที่มีสีสันสดใส จะช่วยพรางตา และดึงดูดความสนใจจากหน้าอกของคุณไปได้

สุดท้ายเท่ห์ แนวร็อค นำเสื้อลายขวางมาใส่กับกางเกงยีนส์ แล้วสวมทับด้วยแจ็กเก็ตหรือเสื้อกั๊ก เพียงเท่านี้คุณก็ดูเท่ห์แล้ว


13#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:41:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เคล็ดลับใส่ยีนส์ให้เซ็กซี่



   ไม่ว่าจะผ่านมากี่ยุคกี่สมัย ยีนส์ก็ยังคงความอมตะครองใจคนทุกเพศทุกวัยอยู่เสมอ

              กูรูแฟชั่นแถวหน้า ตือ-สมบัษร ร่ายยาวว่าแฟชั่นยีนส์กำลังจะกลับไปสู่ความเป็นเบสิกของยีนส์ อะไรที่มากไปถือว่าเชยแล้ว ความเซ็กซี่ที่มาจากสรีระของตัวเอง ถือว่าเจ๋งกว่าการใส่เครื่องประดับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าใส่ยีนส์ให้เซ็กซี่ ต้องใส่น้อยชิ้น หากแต่หมายถึงการใส่ยีนส์ให้เหมาะกับบุคลิก รูปร่าง ความเป็นตัวของตัวเองของผู้สวมใส่
   ขณะที่ ฟอร์ด-กุลวิทย์ อัพเดตว่า เมื่อไม่นานนี้มีการบัญญัติคำว่า “ดีไซเนอร์ยีนส์” ทำให้ยีนส์ดูมีค่ามากขึ้น และการดีไซน์ยีนส์ยังทำให้ผู้สวมใส่ยีนส์เปลี่ยนลุคได้อีกมากมาย และจุดเด่นที่ส่งผลให้ยีนส์ได้รับความนิยมมาตลอดคือ ยีนส์เป็นเครื่องแต่งกายที่ยิ่งเก่ายิ่งมีค่า
ช่วยกันแนะเรื่องเบสิกๆ ของยีนส์ให้ฟังอย่างเดียวยังจุใจไม่พอ 2 กูรูวงการแฟชั่นยังช่วยกันแนะวิธีเลือกยีนส์ให้เหมาะกับรูปร่างอีกด้วย

     
ประเภท บั้นท้ายใหญ่
ต้องใส่กางเกงยีนส์ที่มีกระเป๋าหลังและมีตะเข็บยาวลงมา เพื่อช่วยอำพรางบั้นท้าย

ส่วน รูปร่างออกแนวแมนนิดๆ ควรเลือกกางเกงที่ออกแบบด้วยการเดินเส้นโค้ง สีสว่าง หลีกเลี่ยงการใส่กางเกงทรงตรงแบบผู้ชาย เพราะยิ่งกลายเป็นเน้นรูปร่างเข้าไปอีก

ช่วงขาสั้น
ควรหายีนส์ลายทางและเป็นเส้นตรงเพื่อให้ดูขายาว

ขาใหญ่
กางเกงทรงตรงถือว่าเลิศสุด แต่ถ้า ใหญ่เฉพาะช่วงต้นขา ต้องนี่เลย ขาม้า และสาวๆใส่ยีนส์ให้เซ็กซี่ต้องใส่กับรองเท้าส้นสูง เพื่อช่วยให้สรีระทุกอย่างของผู้หญิง แลดูกระชับและยังช่วยเสริมบุคลิกได้ดีอีกต่างหาก!

ข้อมูลจาก http://campus.sanook.com
14#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-17 23:57:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แต่งตัวตามสี  ประจำวัน  เกิดมาก ณ จุดนี้


15#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:03:09 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีเลือกสีคอนแทคเลนส์ให้เหมาะสม


โดยปกติคำถามนี้เป็นคำถามที่ยากมากสำหรับผู้ใส่คอนแทคเลนส์ครั้งแรก และมันจะง่ายขึ้นถ้าคุณรู้ว่าคุณมีบุคลิกาพแบบไหน เช่น
ถ้าสีของดวงตาโดยธรรมชาติของคุณเป็นสีน้ำตาล คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ในสีม่วง, สีเขียว, หรือสีฟ้า
ถ้าผิวของคุณ, ผม, และสีดวงตาโดยธรรมชาติเป็นสีโทนเย็น, สีโทนแดงสีน้ำเงิน, คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์สีโทนอุ่น เช่น สีน้ำตาลอ่อน
ถ้าคุณผิวดำ คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีสีโทนสว่าง คุณใช้เครื่องสำอางกับดวงตาหรือไม่? เลือกคอนแทคเลนส์สีที่เด่นกว่าสีของ อายส์ชาโดว์ และ มาสคาร่า ที่คุณใส่
ถ้าคุณเป็นคนขี้อายหรือต้องให้ดูเป็นสีธรรมชาติถ้าสีตาโดยธรรมชาติของคุณคือสีดำหรือ น้ำตาล คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ในสีเทา หรือสีน้ำตาลอ่อน ( Hazel ) ทางเลือกอื่นๆคือการเพิ่มความโดดเด่นสำหรับตาสีฟ้า ซึ่งทำโดยใช้คอนแทคเลนส์ที่มีสีเข้มมากเพื่อเน้นม่านตาของตาคุณ ถ้าผิว ผม การแต่งหน้าและสีตาโดยธรรมชาติเป็นสีโทนอุ่น, คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์โทนสีอุ่นอย่างเช่นสี Hazel เพื่อความเหมาะสมและกลมกลืนกับดวงตาของคุณ
เพิ่มเติมจ้า..
ผิวขาว คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีสีโทนอุ่น เช่น น้ำตาลอ่อน สีฟ้า เขียว
ผิวสีแทน คุณอาจจะเลือกคอนแทคเลนส์ที่มีสีโทนสว่าง เช่น เทา เขียว น้ำตาลอ่อน
การใส่คอนแทคเลนส์นั้น เราควรใส่ใจเรื่องความสะอาดเป็นอันดับที่ 1 ควรล้างมือถูสบู่ทุกครั้ง ทั้งก่อนสัมผัสกับคอนแทคเลนส์และก่อนใส่คอนแทคเลนส์
ส่วนการทำความสะอาดคอนแทคเลนส์นั้น เราควรล้างคอนแทคเลนส์เสียก่อน แล้วนำไปแช่ประมาณ 8 ชั่วโมง เมื่อต้องการจะใส่ก็ให้ทำความสะอาดควรล้างอีกสักครั้ง
สำหรับเพื่อนๆ ที่เป็นคนตาแห้งก็สามารถใช้น้ำตาเทียมหยอดเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับดวง ตา แต่ถ้าตาแห้งมากก็ไม่ควรใส่เพราะคอนแทคเลนส์อาจจะทำให้เกิดการระคายเคือง ตา และในระยะยาวอาจส่งผลทำให้เนื้อเยื่อตาอักเสบได้ข้อแนะนำสำหรับมือใหม่
- ควรลองใส่คอนแทคเลนส์ Big eye ชนิดนั้นๆ ดูก่อนว่ามีอาการระคายเคืองหรือเปล่า
- ควรถอดคอนแทคเลนส์ออกมาล้างทุกครั้ง- ห้ามใส่คอนแทคเลนส์เวลานอนเด็ดขาด (ขอเตือนว่าอันตรายมาก)
- ห้ามแช่คอนแทคเลนส์โดยไม่ได้ล้างก่อน
- ห้ามใส่คอนแทคเลนส์เกินอายุการใช้งานที่ระบุไว้
- เมื่อใส่คอนแทคเลนส์แล้วเกิดอาการระคายเคือง มีเส้นแดงๆ ปวดตา ฯลฯ ควรรีบพบแพทย์โดยทันทีดวงตาของเรานั้นมีเพียงคู่เดียว รักษาให้ดีในตอนนี้เพื่อจะได้มีดวงตาคู่สวยไปนานๆ จะว่าไปแล้วการใส่คอนแทคเลนส์ก็ไม่ได้น่ากลัวมากมายอย่างที่คิดใช้ไหมคะ เพียงแค่เราใช้อย่างถูกวิธี เลือกใส่ตามความเหมาะสม ให้เหมาะกับตัวเอง และที่สำคัญคือ พยายามรักษาความสะอาดให้ดี เพียงเท่านี้ เพื่อนๆ ก็สามารถมีดวงตากลมโตบ้องแบ๊วแบบปลอดภัยกันทุกคนค่ะ...
ที่มา : Favlens.com
17#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:17:28 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เทคนิคการเลือกซื้อเสื้อผ้าให้คนใส่ดูดี๊..ดี

             ผู้คนทั้งหลายมักจะมีความชอบเสื้อผ้าที่แตกแต่ง กัน แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะมีเทคนิคในการคัดเลือกการ แต่งกายอย่างไร เพื่อให้รูปแบบ สีของเสื้อผ้าเข้ากับอายุ
อาชีพ สีผิว รูปร่างของตนได้อย่างดีหรือไม่ เทคนิคและ ศิลปะในการเลือกซื้อเสื้อผ้าถือว่าเป็นปัจจัยสำคัญที่จะ ชี้บ่งว่าเสื้อผ้าการแต่งกายของคนๆ   หนึ่งเหมาะสมกับ ตัวเองหรือไม่

การเลือกเสื้อผ้าตามสีผิว
   

          1. คนที่ใบหน้าแดงเปล่งปลั่ง : เหมาะที่จะสวมเสื้อผ้า สีเขียวชาหรือสีเขียวแก่ ไม่เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อสีเขียว สด มิฉะนั้นจะดูไม่ทันสมัย
         

          2. คนที่ใบหน้าออกเหลือง : เหมาะที่จะสวมใส่เสื้อ สีน้ำเงินหรือสีฟ้า ไม่เหมาะที่จะสวมเสื้อสีน้ำเงินแก่ สีคราม สีกรมท่า มิฉะนั้นจะทำให้ใบหน้าดูเหลืองมากยิ่งขึ้น   

           3. คนที่มีสีหน้าอิดโรยผิดปกติ : เหมาะที่จะสวม เสื้อสีขาว เพื่อให้แลเสมือนสุขภาพดี ไม่เหมาะที่จะสวม เสื้อสีเทา สีม่วง จะทำให้ดูเหมือนอ่อนเพลียยิ่งขึ้น
         

          4. คนที่มีสีผิวขาวเหลือง : เหมาะที่จะสวมเสื้อผ้าโทน สีอบอุ่นแลดูอ่อนโยน เช่น สีชมพู สีส้ม ไม่เหมาะที่จะ สวมเสื้อผ้าสีเขียวและสีเทาอ่อน มิฉะนั้นจะดูเหมือนเป็น คน “ขี้โรค”
         

           5. คนที่มีสีผิวคล้ำ : เหมาะที่จะสวมเสื้อผ้าสีอ่อน สว่าง เช่น สีเหลืองอ่อน สีชมพูอ่อน สีขาว เป็นต้น ซึ่ง จะสะท้อนความสว่างของสีผิว
         

          6. คนที่มีผิวไม่ละเอียด : เหมาะที่จะสวมเสื้อที่ทำจาก สิ่งทอที่มีหลากสี มีลายนูนเว้าบ้าง (เช่น ผ้าสักหลาดหยาบ เป็นต้น) ไม่เหมาะที่จะสวมเสื้อทำจากสิ่งทอสีอ่อนที่มี ลวดลายประณีต
18#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:17:54 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเลือกเสื้อผ้าตามรูปร่าง


     1. พยายามหลีกเลี่ยงเสื้อที่มีคอเสื้อเหมือนรูปทรง ใบหน้าของคุณ

(1) คนหน้ากลม ต้องไม่เลือกเสื้อคอ กลม ควรเลือกใส่เสื้อคอ V คอแบะหรือคอเปิด

(2) หากเป็นคนหน้าเหลี่ยม ควรเลือกใส่เสื้อคอ V   คอเสื้อ รูปตัว U หรือคอแบะ คอเปิด

(3) หากเป็นคนหน้ายาว ควรเลือกเสื้อคอกลมหรือคอตั้ง
        

2. ควรเลือกเสื้อที่สามารถแก้จุดด้อยของคอ

(1) คนคอสั้นควรเลือกเสื้อคอเปิด คอแบะหรือเสื้อคอต่ำ

(2) คนคอใหญ่ควรเลือกเสื้อที่มีคอแบบจีนคอตั้งหรือคอเสื้อ ที่แคบแต่ลึก และผูกผ้าพันคอ

(3)คนคอยาวควรเลือก คอปกตั้งและผ้าพันคอที่พันชิดกับคอ
         

  3. การเลือกเสื้อผ้าที่ส่งเสริมจุดเด่นหลีกเลี่ยงจุด ด้อยตามสภาพรูปร่างของแต่ละคน

(1) คนหน้าอกใหญ่ ควรเลือกเสื้อคอเปิดหรือคอต่ำหรือเสื้อหลวมที่มีไหล่ กว้าง เพื่อให้เอวดูเล็กลง   

(2)   คนหน้าอกเล็ก ควรเลือก เสื้อที่มีคอเปิดเป็นแนวเล็กยาวและเสื้อลายขวาง

(3) คน เอวสั้น ควรเลือกเสื้อคลุมเอวสูงที่จับจีบ หรือกระโปรง อัดพีท

(4) คนสะโพกแคบ ควรเลือกกางเกงทรงหลวม หรือกางเกงที่จีบด้านบน   กระโปรงจีบแบบหลวม หรือเสื้อแจ๊คเก็ตตัวหลวม

(5) คนสะโพกใหญ่   ควรเลือก กระโปรงหรือกางเกงที่พอดีตัวและมีส่วนโค้งส่วนเว้า เสื้อ หรือเสื้อกล้ามต้องยาวคลุมสะโพก   ถ้าจะให้ดีกระโปรง   ควรมีกระดุมเล็กๆ   เป็นแถวยาวหรือรอยตะเข็บตรงกลาง

(6)   คนที่ขาใหญ่     ควรเลือกกระโปรงที่ขอบเอว กระชับแต่ด้านล่างหลวม กางเกงที่ด้านบนมีรอยจีบหรือ ขาตรงหรือจะเลือกกางเกงขาสั้นหรือกางเกงกระโปรงก็ได้ (7) คนขาสั้น ควรเลือกเสื้อที่เป็นสีเดียวกันหรือเสื้อ เอวลอย
19#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:20:03 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
trip of cloths
- เสื้อผ้าสีเข้ม จะทำให้ดูผอมเพรียวกว่าเดิม

- ผ้าเนื้อมันจะช่วยเน้นสัดส่วนที่ต้องการจะมิดเม้ม หากไม่อยากให้ไขมันส่วนเกินออกมาปรากฏโฉม ก็ให้หลืกเลี่ยวเสื้อผ้าแบบนี้

- กระโปรงแซคที่เหมาะสม ควรจะเป็นทรงเอ หรือเอไลน์ จะช่วยพรางสะโพกได้

- กระโปรงทรงเอยาวเหนือเข่า จะช่วยพรางความอวบของช่วงขา

- สวมใส่เสื้อผ้าสีเดียวกันทั้งชิ้น ดีหว่าหลากสี

- คาดเข็มขัดเส้นเล็กต่ำ ๆ ใต้สะโพกจะช่วยหลบพุง

- เสื้อสูพกับรองเท้าส้นสูงช่วยให้ดูเรียว

- ผ้าเนื้อหาบอกลาไปซะ กันมาหาผ้าเนื้อบางเบาและทิ้งตัว

- เสื้อผ้าระบายฟูฟ่อง หรือลูกไม้ย้อยระย้า ม้จะต้องตาแค่ไหน ก็อย่างไปซื้อมาใส่

- สีโทนพาสเทลหวาน ๆ ก็ไม่เหมาะกับสาวเจ้าเนื้อเหมือนกัน แต่หากอดใจไม่ไหว ให้เลือกใส่ส่วนใดส่วนหนึ่ง อย่างใส่ทั้งชุด

- กางเกงที่มีกระเป๋าเต็มไปหมด ก็ไม่ควรใส่ เพราะจะทำให้ดูตัวพองขึ้นมามากกว่าเดิม
เป็นประโยชน์มากเลย ขอบคุณมาก

คะแนน

1

ดูบันทึกคะแนน

21#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:26:14 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเลือกเสื้อผ้าตามรูปร่าง ตามลักษณะโครงสร้าง

หากเป็นคนผอมบาง       
        - ใส่สีอ่อนหรือสีสว่าง จะช่วยให้ดูเปล่งปลั่ง
        - สามารถใช้เนื้อผ้าที่มันวาวเพื่อเพิ่มขนาดร่างกาย
        - หลีกเลี่ยง ผ้าแข็ง ผ้าหนา แนบเนื้อ หรือรัดรูป

หากเป็นคนอ้วน
        - สวมเสื้อผ้าที่เสริมไหล่
        - ควรเป็นเสื้อผ้าเนื้อเรียบ เบาบาง
        - เสื้อควรเป็นคอวี  ลายคั้ง
        - ผ้าสีเข้ม ช่วยให้ดูผอม

เป็นคนสูงใหญ่
        - ควรสวมเสื้อผ้าที่หนา
        - เสื้อคอกว้างๆ แขนกว้างๆ
เป็นคนตัวเตี้ย
        - ควรเป็นผ้าสีเดียวกันทั้งชุด
        - เสื้อลายแนวตั้ง กระเป๋าด้านเดียว
        - เสื้อคอวี แขนยาว ไม่จีบพอง
        - กางเกงควรรีดเป็นจีบคม ขายาว
        - รองเท้าสีเดียวกับกางเกง
       
ผิวขาว
        - สีกรม ดำ ช่วยขับผิว ถ้าเป็นสีสดใช้สีอ่อน ..ใช้ได้เกือบทุกสี
ผิวคล้ำ
        - สีเหลืองเทาๆ ครีม สีเบจ น้ำตาลอ่อน ฟ้า เขียวอ่อน ไม่ควรเป็นสีน้ำตาลเข้ม หรือสีเข้มอื่นๆ
22#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:30:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
วิธีการเลือกรองเท้า


ปัญหาของสุขภาพเท้าในประเทศไทยยังไม่มีมากเหมือนในต่างประเทศ เช่นสหรัฐอเมริกา มีผู้รวบรวมสถิติไว้ว่า แต่ละปีค่าใช้จ่ายในการรักษาปัญหาของเท้า ที่เกี่ยวข้องกับการใส่รองเท้าไม่เหมาะสม มีถึง 2000 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือ 50,000 ล้านบาท ไม่รวมถึงค่าสูญเสียทางเศรษฐกิจจากการหยุดงาน จนถึงขนาดมีผู้เชี่ยวชาญในการดูแลรักษาเท้าโดยเฉพาะ

ดังนั้นเพื่อให้ท่านได้ตระหนักถึงความสำคัญของการเลือกรองเท้า เราขอเสนอคำแนะนำ 10 ประการดังนี้

ขนาดของรองเท้าแต่ละยี่ห้อที่ติดไว้บนรองเท้าจะไม่เท่ากันเสมอไป ท่านต้องทดลองใส่จริง อย่าซื้อรองเท้าโดยไม่ทดลองใส่ หรือเพียงแค่บอกเบอร์เท่านั้น
เลือกรองเท้าที่เหมาะกับรูปเท้าของท่าน เช่น ปลายเท้าท่านกว้างก็ไม่ควรใส่รองเท้าที่หัวเล็ก และแคบ
เท้าอาจเปลี่ยนแปลงขนาดได้เมื่อท่านอายุมากขึ้น
ทดลองใส่รองเท้าทั้ง 2 ข้าง เพราะเท้าคนเราจะไม่เท่ากันเสมอ ควรเลือกรองเท้าที่ใส่ได้พอดีกับเท้าที่ใหญ่กว่า
ควรไปซื้อรองเท้าในช่วงบ่ายหรือเย็น เพราะเท้าของท่านจะขยายใหญ่กว่าตอนเช้าๆ
ควรลุกขึ้นยืน และดูว่าหัวรองเท้า มีที่ว่างถัดจากปลายนิ้วที่ยาวที่สุดประมาณ ครึ่งนิ้ว
ควรให้ข้อต่อโคนนิ้วกระชับพอดีส่วนกว้างที่สุดของรองเท้า
อย่าเลือกซื้อรองเท้าที่คับเกินไป เพราะมั่นใจว่าใส่ๆ ไปแล้วรองเท้าจะยืด
ส้นเท้าของท่านควรจะกระชับพอดี กับด้านหลังรองเท้า ไม่ควรขยับขึ้นลงได้
เมื่อทดลองใส่รองเท้า ควรเดินไปมาเพื่อให้แน่ใจว่าใส่สบาย สำหรับในสุภาพสตรี ความสูงของส้นเท้าที่แพทย์ส่วนใหญ่แนะนำคือไม่ควรสูงเกินสองเศษหนึ่งส่วนสี่นิ้ว

สมาคมโรคเท้าและข้อได้แนะนำเลือกรองเท้าที่พอดีกับเท้า

1.รองเท้าแต่ละบริษัทและแต่ละรุ่นแม้ว่าจะเบอร์เดียวกันแต่ขนาดไม่เท่ากัน เวลาเลือกต้องทดลองกับเท้าตัวเองทุกครั้ง
2.เลือกรองเท้าที่มีลักษณะเหมือนเท้าของตัวเองอย่าตามแฟชั่นมากเกินไปเพราะจะทำให้เท้าท่านมีปัญหา
3.ต้องวัดขนาดของเท้าเป็นประจำเนื่องจากเมื่ออายุมากขึ้นเท้าจะมีขนาดใหญ่ขึ้น
4.ควรจะซื้อรองเท้าชนิดใช้เชือกผูกเพราะจะทำให้พอดีกับเท้า
5.เท้าสองข้างจะไม่เท้ากันต้องวัดทั้งสองเท้าและเลือกรองเท้าที่มีขนาดพอดีกับเท้าข้างใหญ่
6.เลือกซื้อรองเท้าตอนบ่ายๆหรือเย็นๆเนื่องจากช่วงนั้นเท้าจะมีขนาดใหญ่
7.เวลาทดลองใส่รองเท้าให้ยืนและให้ตรวจสอบว่าเมื่อใส่รองเท้านิ้วที่ยาวที่สุดจรดปลายข้างหนึ่ง ส่วนปลายอีกข้างหนึ่งมีพื้นที่เหลือประมาณครึ่งนิ้ว
8.ควรจะสวมถุงเท้าคู่ที่ใส่เป็นประจำไปลองรองเท้าคู่ใหม่
9.ให้แน่ใจว่าฝ่าเท้าของท่านพอดีกับส่วนกว้างที่สุดของรองเท้า
10.เมื่อใส่รองเท้าแล้วนิ้วเท้าของท่านสามารถขยับได้ทุกนิ้ว
11.อย่าซื้อรองเท้าที่แคบเกินไปโดยหวังว่ามันจะขยาย
12.ส้นเท้าของท่านควรจะพอดีส้นรองเท้าไม่หลวมเกินไป
13.เวลาทดลองใส่รองเท้าให้ใส่เดินเพื่อตรวจดูว่าพอดีกับเท้าหรือไม่ใส่แล้วสบายหรือไม่
23#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:32:49 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
การเลือกรองเท้ากีฬาให้เหมาะสม






ใครที่กำลังมองหารองเท้ากีฬามาใส่ออกกำลังกาย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีวิธีการเลือกรองเท้ากีฬาให้เหมาะสมมาฝาก...

- รองเท้าวิ่ง
รองเท้าวิ่งจะต้องมีแผ่นรองเท้าที่กันกระแทกและจะต้องมีหุ้มส้นที่พอเหมาะ รองเท้าจะป้องกันเอ็นอักเสบ ปวดส้นเท้า และกระดูกหัก

- รองเท้าสำหรับเดิน
ควรเป็นรองเท้าที่มีน้ำหนักเบาและควรมีแผ่นกันกระแทกที่ส้นเท้าและกลางบริเวณฝ่าเท้า ซึ่งจะช่วยลดอาการปวดบริเวณส้นเท้าและฝ่าเท้า พื้นรองเท้าจะออกป้านๆเพื่อให้การถ่ายน้ำหนักจากส้นเท้าไปยังนิ้วเท้าและลดแรงที่ฝ่าเท้า รองเท้าสำหรับเดินจะมีส่วนหน้าซึ่งค่อนข้างแข็งกว่ารองเท้าวิ่ง

- รองเท้าสำหรับเต้นแอโรบิค
รองเท้าต้องมีน้ำหนักเบาเพื่อมิให้เกิดอาการเมื่อยเวลาออกกำลังกาย ตรงฝ่าเท้าต้องมีแผ่นกันกระแทกที่นุ่มเพราะส่วนนี้เป็นส่วนที่มีการกระแทกมากที่สุด

- รองเท้าสำหรับการเล่นเทนนิส
ต้องเป็นรองเท้าที่ป้องกันข้อเท้าขณะที่มีการสไลต์ออกข้าง พื้นรองเท้าไม่จำเป็นต้องมีแผ่นกันกระแทกที่หนาเกินไป

- รองเท้าสำหรับการเล่นเบสบอล
พื้นรองเท้าต้องหนาและแข็งเพื่อการทรงตัวที่ดี และต้องเป็นรองเท้าหุ้มข้อเพื่อป้องกันข้อพลิก หากใส่รองเท้าแล้วมีปัญหาปวดที่ส้นเท้า ฝ่าเท้าอาจจะต้องหาอุปกรณ์เพิ่มเช่น แผ่นรองส้นเท้า แผ่นรองฝ่าเท้า

รู้อย่างนี้แล้ว ควรเลือกซื้อรองเท้ากีฬาให้เหมาะกับประเภทกีฬาดีกว่า เพื่อความปลอดภัย.
24#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:35:22 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
ข้อคิด 10 ข้อในการเลือกซื้อกระเป๋าเดินทาง   



1. ล้อ
ส่วนนี้เป็นส่วนที่อ่อนแอที่สุดที่จะเสียหายในการขนส่ง สายการบินทั่วไปจะปฏิเสธความรับผิดชอบสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นกับล้อ และผู้ผลิตหลายรายมักยกเว้นล้อในข้อรับประกันของบริษัท ล้อที่ดีที่สุดควรเป็นล้อยางทั้งลูกชนิดที่เป็นล้อแบบหรือเป็นลูกกลม ที่มีตลับลูกปืน ล้อควรฝังอยู่ภายในกระเป๋า โดยเฉพาะกระเป๋าที่ไว้ใต้เครื่องบินเพราะจะป้องกันการเสียของล้อได้ สำหรับกระเป๋าที่นำติดตัวขึ้นเครื่องบิน ควรดูขนาดให้ถูกตามกฎเกณฑ์ของสายการบิน
2. หูหิ้ว
หูหิ้วแบบยืดหดควรติดตั้งภายในกระเป๋าได้เป็นดี หรือแบบพับแนบตัวกระเป๋าอัตโนมัติ เพื่อป้องกันความเสียหายของเสาคันชัก แม้ว่าคันชักที่ติดตั้งภายนอกจะทำให้มีพื้นที่เก็บสัมภาระด้านในมากขึ้นก็ตาม เพราะคันชักมักจะเสียหาย จากแรงกระแทกจนทำให้ยืดหดคันชักไม่ได้ แต่ในกรณีที่เป็นกระเป๋าหิ้วติดตัวก็ไม่จำเป็นต้องให้คันชักมีเสาอยู่ด้านในก็ได้เพราะความเสี่ยงจากการเสียหายมีน้อยกว่ามาก
3. Denier (หน่วยวัดความแข็งแรงของผ้า)
Denier เป็นหน่วยของการวัดขนาดเส้นใยที่ใช้ในการทอผ้า dinier ยิ่งมากจะทำให้ผ้าหนักขึ้น สำหรับวัสดุที่นำมาทอเป็นผ้าก็ให้ความแข็งแรงต่างกันด้วย เช่น polyester 1800 denier แข็งแรงกว่า Polyester 1200 denier แต่แข็งแรงน้อยกว่า ballistic nylon 1050 denier โดยทั่วไปตามสายการบินจะไม่ยอมรับความเสียหายกับกระเป๋าเดินทางที่ทำด้วยผ้า 600-700 denier
4. การรับประกัน
กระเป๋าทุกยี่ห้อจะรับประกันก็ต่อเมื่อมีความเสียหายที่เกิดจากการผลิตเท่านั้น เช่น ซิปผิดปกติ รอยเย็บเบี้ยว หูลากหลุดหรือน็อตหลุด การรับประกันส่วนใหญ่จะเป็นของผู้ผลิต ไม่ใช่เป็นของร้านที่ขายดังนั้นไม่ควรไปเชื่อกับการรับประกันของร้านมากนัก
5. การซื้อกระเป๋าเป็นการลงทุนไม่ใช่ความสิ้นเปลือง
การคุ้มทุนในการลงทุนซื้อกระเป๋าขึ้นอยู่กับอายุของการใช้งานกระเป๋า ถ้าคุณจ่ายเงินสองเท่าเพื่อซื้อกระเป๋าที่มีอายุใช้งานนานขึ้น 4 ปี อย่าลืม ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซมด้วย
6. ไม่ต้องกังวลว่ากระเป๋าใบใหญ่กว่าจะหนักกว่า
สิ่งของที่คุณจะบรรจุลงในกระเป๋าอาจมีน้ำหนักประมาณ 20-30 กก. แต่น้ำหนักกระเป๋าที่ใหญ่เล็กต่างกัน 4-6 นิ้ว อาจมีน้ำหนักต่างกันเพียงครึ่งกิโลเท่านั้น และคุณจะรู้ว่าถ้ากระเป๋าไม่พอคุณต้องซื้อกระเป๋าอีกใบที่น้ำหนักอย่างต่ำก็ประมาณ 3-4 กก.
7. กระเป๋าใหญ่ก็ไม่ใช่ว่าดีเสมอไป
คนทั่วไปจะบรรจุสิ่งของลงในกระเป๋าขนาด 26 นิ้วได้พอดี ดังนั้นก็ไม่ควรใช้กระเป๋าขนาดใหญ่กว่านี้ โดยเฉพาะถ้าคุณมีปัญหาเรื่องการยกของหนัก เช่น ปวดหลัง หรือปวดแขน
8. อย่าไปยึดติดกับยี่ห้อ
คนทั่วไปจะคุ้นเคยกับชื่อ Samsonite และ american tourister เพราะเป็นเจ้าแรก ๆ ที่ขายมานาน แต่ก็ยังมีหลายยี่ห้อที่คุณภาพก็ใช้ได้ เช่น travelpro eminent echolac delsey หรือแม้แต่ Blue light, Valentino, Miracle, Dandy ลองเลือกการใช้งานต่าง ๆ ให้ดีก่อนตัดสินใจควักกระเป๋าซื้อ
9. ซื้อกระเป๋ากับร้านที่มีความรู้ด้านกระเป๋า
เพราะกระเป๋าเดินทางเดี๋ยวนี้ไม่ใช่มีหน้าที่แค่บรรจุสัมภาระเท่านั้น อย่าไปกลัวที่จะถามคนขายเกี่ยวกับความทนทาน หน้าที่การทำงานต่าง ๆ การบริการหลังการขาย
25#
 เจ้าของ| โพสต์ 2009-6-18 00:37:30 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
เคล้ดลับการ เลือกกระเป๋า



ตัวสู๊ง.. สูง

ว่ากันว่า คนตัวสูงน่ะ ไม่ค่อยมี ปัญหา ในการแต่งตัว เพราะใส่อะไร ก็ดูสวย ดูสง่า แต่.. ถ้าเลือกกระเป๋าผิด ก็คิดจนตัวตาย ได้เหมือนกันนะ (เวอร์จริง) กระเป๋า สำหรับคนตัวสูง ควรจะเลือก ทรงที่ต้องสะพาย แนบลำตัว หรือหนีบไว้ที่รักแร้ เพราะจะ ทำให้รูปร่าง กระทัดรัดมากขึ้น ถ้า สะพายกระเป๋า ที่มีสายยาว ปล่อยให้ตัวกระเป๋า ตกลงมาอยู่ในช่วงเอว หรือสะโพก ก็จะยิ่งทำให้รูปร่าง ดูเกะกะ เทอะทะมากขึ้น ที่สำคัญ กระเป๋าทรงที่ควรหลีกเลี่ยง มากที่สุดคือ กระเป๋าถือ เพราะนั่น ยิ่งจะ ทำให้แขน และลำตัว ของเรา ดูยาวมากขึ้น หากจำเป็นต้องใช้จริง ๆ ควรเลือกกระเป๋าถือ ใบบาง ๆ แบบหนีบข้างลำตัวได ้จะดีกว่า





ตัวเตี้ย...

สำหรับสาว ที่มีรูปร่าง สุดแสนจะ กระทัดรัด ตรงตามมาตรฐาน หรือต่ำกว่ามาตรฐานสาวไทย ก็ต้องหากระเป๋าตรง แบบตรงข้าม กับสาวที่มีรูปร่าง สูง นั่นคือ ควรจะหากระเป๋า แบบที่มีสะพายยาว ๆ ให้ตัวกระเป๋า ตกลงมาอยู่ประมาณเอว หรือ สะโพกบน อย่าไปเผลอ ซื้อแบบสายสะพายสั้น หนีบติดจั๊กกะแร้มาใช้หล่ะ เพราะนั่น จะยิ่งทำให้ตัวดูสั้น เตี้ย เป็นมะขามข้อเดียว มากขึ้นไปอีก และถ้าใคร อยากเป็นผู้หญิง ที่มีมาดเท่ห์ ๆ หน่อยล่ะก้อ.. สบายมาก เพราะสาวหุ่นแบบนี้แหล่ะ เหมาะกับกระเป๋าเป้ แบบสะพายข้างมาก ๆ เลยรู้มั๊ย? เพราะด้วย สายที่ยาว และรูปทรงของกระเป๋า ที่ออกแบบ เพื่ออยู่ข้างลำตัว ประมาณ ช่วงสะโพก จะทำให้ ช่วงบนของเรา ดูยาวขึ้นไงหล่ะ... TRICKS พรางหุ่นด้วยกระเป๋า เจ๋งซะ!!!





ตัวหนา...

คนตัวหนา มีข้อห้ามอย่างนึง คือ ห้ามถือกระเป๋า หนา ๆ ไม่เชื่อลองสังเกตดูสิ เพื่อนเรา คนไหน ที่มีหุ่นอ้วน ๆ แถมยังชอบ ถือกระเป๋านักเรียน ใบโตๆ อ้วน ๆ หนา ๆ ไม่รู้ว่าวันนึง ๆ หอบอะไร มาเรียนกันนัก เห็นม๊ะว่าพอมองไป จะให้ความรู้สึก ว่า มีก้อนอะไรซักอย่าง เดินไปเดินมา แต่นั่น เป็นกระเป๋านักเรียน ก็พออนุโลม เพราะเรายังอยู่ ในวัยเรียนนี่ ฉะนั้น คนที่มีตัวหนา ๆ DRESS TRICKS ขอแนะนำ อย่างขวานผ่าซากว่า ควรเลือก สะพาย หิ้ว ถือกระเป๋าที่มีขนาดบาง ๆ โดยเฉพาะ พวกที่ชอบสะพายเป้ แบบ Back Pack หนา ๆ ยิ่งควรเปลี่ยน บุคลิกตัวเอง ซะใหม่ เพี่อ ความดูดี และเข้ากับรูปร่าง ของตัวเอง ไม่งั้น นอกจากจะเสี่ยง ต่อการ เป็นโรค ปวดหลังแล้ว อาจจะเสี่ยง ต่อการแข่งกันไล่เตะ จากพี่เบคแฮม เปอร์ตีต์ ซีดาน ฮ่า.. ฮ่า ขอเตือน ด้วยความหวังดี





ตัวบาง...

อ๊ะ ๆ มีหลายคน คิดหล่ะซิ ว่าเป็นคนตัวหนา ต้องสะพายกระเป๋า แบบบาง ๆ พอเป็น คนตัวบาง เลยต้องสะพายกระเป๋า แบบหนา ๆ ขอบอกว่า ผิดถนัด.. คิดดูซิ ตัวก็ออกจะ บางนิ้ด..เดียว แต่เล่น หอบกระเป๋าใบโต เป็นพวกบ้าหอบฟาง มันจะไปดูว่าสวย ตรงไหน ฮึ??? ถ้าจะให้สวยก็ต้องนี่ เล่นกันที่ขนาด ของตัวกระเป๋า การที่เรา ตัวเล็ก และไม่สามารถใช้เสื้อผ้า ช่วยอำพราง รูปร่างได้ ก็ต้องใช้ขนาด ของกระเป๋า มาทำให้รูปร่างเรา สมส่วน มากขึ้น นั่นคือ ควรเลือกกระเป๋า ที่มีขนาดใหญ่ ปานกลาง ไม่เล็ก แบน ฟีบ หรือไม่ใหญ่ เทอะทะ จนเหมือนสะพายหีบ ใส่ของ ให้มีขนาด พอเหมาะ แค่นี้ ก็จะ สามารถทำให้ รูปร่างของเรา ดูใหญ่ และสมส่วน มากขึ้น หลีกเลี่ยงใบบาง ๆ ติดจั๊กกะแร้ ถ้าเป็นคนสะอาด DRESS TRICKS ขอแนะนำ ให้เลือกกระเป๋า สีโทนสว่างจะดีกว่า

Tricks เล็กน้อย สำหรับการดูแลกระเป๋า คือ กระเป๋าหนัง จะดูแลง่ายที่สุด แต่ต้องระวัง อย่าให้โดนพวก แอลกอฮอลล์ อย่างทินเนอร์ หรือยาล้างเล็บ และในช่วงฤดูฝน แบบนี้ ควรเลี่ยง กระเป๋า พวกไมโครไฟเบอร์ เพราะแบบนี้ จะเสียง่าย เมื่อโดนน้ำบ่อย ควรเลือก เป็นผ้าร่ม จะดีกว่า
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้