|
เมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2548 ณ อาคารัฐสภา 2 เบื้องแรก คุณรวีวรรณได้เล่าเรื่องของเธอให้ที่ห้องประชุมฟัง ผมขออนุญาตสรุปย่อให้ท่านผู้อ่านทราบดังนี้ คุณคุณรวีวรรณได้เคยไปทำศัลยกรรมบริเวณดวงตามาครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2537 จนต่อมาปี 2546 เธอสังเกตว่าบริเวณหางตาด้านขวานั้นมีรอยย่น และหนังตาบนทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เธอจึงคิดหาคลินิกที่สามารถแก้ปัญหานี้ให้เธอได้ พอดีเพื่อนของลูกสาวเธอได้ไปทำศัลยกรรมที่คลินิกแห่งหนึ่งแถวดอนเมือง บอกว่าเป็นคลินิกใหญ่โต น่าเชื่อถือ เธอจึงไปดู เห็นสถานที่โอ่โถง มีคนไปใช้บริการคึกคัก เธอจึงเชื่อใจว่าคลินิกนี้คงมีคุณภาพ เธอได้ตัดสินใจทำ แจ้งกับหมอว่าจะให้ผ่าตัดดึงหน้า แต่คุณหมอแนะนำว่ามีเทคนิคใหม่ คือ ไบโอเทคโนโลยี นำเข้าจากต่างประเทศ(ภายหลังแพทย์ที่เชี่ยวชานบอกว่า ไม่ได้เป็นเทคนิคใหม่แต่อย่างใด ซ้ำการกระทำดังกล่าว แพทย์ไม่แนะนำให้ทำ) ไม่ต้องผ่าตัด แต่ใช้วิธีฉีดสารเข้าไปแล้ว หางตาจะหายย่น ( สารดังกล่าวแพทย์ผู้เชี่ยวชาญบอกว่าคือ ซิลิโคนแท่งที่เอามาหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ แล้วปั่นให้ละเอียด นำไปผสมกับไขมันที่ขูดออกมาจากแถวๆ หน้าท้อง หรือจากที่เอวของคนไข้ เอามาตีให้เข้ากันจากนั้นใช้หลอดฉีดยาที่มีกำลังแรงดันสูงเพราะสารที่ฉีดมีความเหนียวข้น ต้องใช้แรงดันมาก จึงจะฉีดเข้าสู่ร่างกายคนได้ ฉีดเข้าไปตรงบริเวณที่ต้องแก้ไข ซึ่งการฉีดในแต่ละครั้งมีความเจ็บปวดอย่ามาก แต่คนไข้ยอมอดทนเพื่อความสวยที่ฝันไว้ ปกติร่างกายของคนเรานั้นจะไม่ยอมรับสารแปลกปลอมเข้าไป แต่ทางการแพทย์พบว่า ซิลิโคนนี้เป็นสารที่ร่างกายต่อต้านน้อยที่สุด ส่วนไขมันที่ดูดออกมาเป็นของคนไข้เอง ร่างกายจึงไม่ปฏิเสธ) เธอเชื่อหมอและตกลงทำ แถมยังให้เสริมจมูกกับทำตาสองชั้นอีกด้วย โดย ลบรอยย่นหางตา 15,000 บาท เสริมจมูก 15,000 บาท และทำตาสองชั้น 10,000 บาท รวม 40,000 บาท
แต่หลังจากได้ทำไปแล้ว สารที่ฉีดเข้าไปมีการแข็งตัว เธอจึงกลับไปบอกหมอหมอบอกว่า ต้องรอระยะหนึ่งให้สารปรับเข้ากับร่างกายก่อน แล้วจะอ่อนลงเอง เธอเชื่อหมอและเชื่อมั่น เลยขอทำศัลยกรรมเปลือกตาต่ออีก คราวนี้มีการดูดไขมันตรงขมับออกไป คงดูดมากเกินไปจนผิวหนังเป็นหลุมลึก หมอก็บอกว่ารูปหน้าเป็นแบบนั้นเอง แต่ก็มีการแก้ไขให้ เธอทำศัลกรรมใบหน้ากับหมอคนดังกล่าว นานถึง 2 ปี เธอต้องผ่าตัดถึง 20 ครั้ง ในการทำเปลือกตา ขูดจมูก ดึงขมับ ฉีดขมับ กรีดใต้ตาแต่ละครั้งต้องเจ็บปวดมากขนาดไหน เธอก็จะทน แต่ผลที่ได้คือเธอหน้าตาไม่งดงามเหมือนดังที่หมอบอกไว้แต่ตอนแรก ซ้ำเปลือกตาก็ยังปิดไม่สนิทน้ำตาไหลตลอดเวลา จนบ่อน้ำตาแห้ง ต้องคอยหยอดน้ำตาเทียมแทน เวลานอนต้องเอาผ้าปิดตาไว้ เพราะถ้าให้แสงเข้าขณะหลับนานๆ เข้า ตาก็จะบอด ท้ายที่สุดเมื่อเห็นว่าหมอคนนั้นทำศัลยกรรมให้เธอไม่ได้ตามที่ตกลง เธอจึงขอประวัติการเข้ารับบิการของเธอจากคลินิกเพื่อไปให้หมอที่เชี่ยวชาญท่านอื่นช่วยแก้ไขให้ และให้หมอคนนั้นเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายแต่หมอเจ้าของคลินิกนั้นไม่ยอม จึงเป็นเรื่องฟ้องร้องกันขึ้นมา และเธอได้ร้องเรียนเพื่อขอความเป็นธรรมไปยังหน่วยงานต่าง ๆ ดังที่กล่าวมาแล้ว หลังจากที่เธอเล่าให้ฟังแล้ว นาย แพทย์ดำรัส โรจน์เสถียร อดีตศัลยแพทย์ประจำโรงพยาบาลศิริราช เป็นที่ปรึกษาของ คณะอนุกรรมาธิการและอนุกรรมาธิการ จึงได้ชักถามเธอเพิ่มเติม |
|