ดู: 18240|ตอบกลับ: 8
สั่งพิมพ์ ก่อนหน้า ถัดไป

[เสริมคาง] แชร์ความรู้ทำศัลยรกรรมเสริมคางครั้งแรก!!

[คัดลอกลิงก์]
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย takor-28 เมื่อ 2016-11-17 14:34

สวัสดีเพื่อนๆผู้สนใจเรื่องความสวยความงามและศัลยกรรมความงามทั้งหลาย หลังจากที่เคยทำกระทู้เสริมจมูกในกระทู้ก่อนหน้าไป
ก็ไม่เคยได้ทำกระทู้ความสวยความงามอะไรออกมาอีกเลย จนกระทั่งได้ไปศัลยกรรมเสริมคางจากคลินิกศัลยกรรมแห่งหนึ่งที่หลังที่ได้คิวต้องนั่งรอเข้าคิวทำต้องนั่งรอเป็นวันๆกว่าจะได้ทำ ออกตัวก่อนว่า ความรู้ที่เราเอามาแชร์คร่าวๆเป็นเก็บเล็กผสมน้อยที่เราเรียนรู้เองจากการดูแลแผลศัลยกรรมคางหลังการรรักษา เป็นเกี่ยวกับการเลือกรับประทานอาหารและดูแลแผลอย่างไรให้หายเร็ว ทั้งนี้ทั้งนั้นขึ้นอยู่กับการดูแลส่วนบุคคลด้วยนะคะ


โดยจริงๆแล้วจากที่หาอ่านจากข้อมูลความรู้ เว็บ บล็อคต่างๆทราบมาประมาณนึงเหมือนกันว่าการทำศัลยกรรมคางเป็นอะไรที่หายช้าและนานกว่าศัลยกรรมประเภทอื่นๆจนได้มาเจอกับตัว คุณหมอเองบอกเหมือนกันว่าคางมีเส้นประสาทเยอะอาจปวดและมีอาการรำคาญมากกว่าบริเวณอื่น อันนี้บอกเลยจริงค่ะ!!

เราได้คิวทำศัลยกรรมคางที่คลินิกสีม่วงวันที่ 19/09/2559 ช่วงเช้า หลังจากทำศัลยกกรมผ่านไปเสร็จก่อนเที่ยง การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดี ทางคลินิกให้ใบดูแลตัวเองหลังการทำศัลยกรรมมาอ่าน เรื่องอาหารบอกได้เลยว่าจริงๆแล้วมีรายละเอียดอีกปลีกย่อยมากมายที่ในเอกสารคลินิกไม่ระบุมา เท่าที่จำได้
1.คลินิกห้ามแผลโดนน้ำ 14 วัน
2.งดเครื่องดื่มแอลกอฮอร์ 1-2 เดือน
3.งดของหมักดอง

126405.jpg (289.64 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 322)

126405.jpg
2#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-16 21:09:50 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
และอื่นๆที่เราพบว่าก่อให้เกิดหลังจากผ่าตัดไปแล้วมีผลต่อการหายช้าหายเร็วขอองแผลอีกมากมาย ที่คลินิกไม่ได้บอกมา ที่สำคัญที่สุดที่คลินิกควรระบุเพิ่มในเอกสารดูแลตัวเองหลังการผ่าตัดคือ หน่อไม้!! เพราะคนไข้เองมีความรู้มากน้อยต่างกัน ความพิถีพิถันในการเลืกรับประทานอาหารต่างกัน ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาการอักเสบต้องวิ่งเข้าหาคลินิกโดยไม่จำเป็น คนไข้เองจะได้หลีกเลี่ยงและหายจากแผลผ่าตัดได้โดยไวยิ่งขึ้น ดีทั้งคลินิกและตัวคนไข้ ไม่ใช่เมื่ออักเสบไปปรึกษาคลินิกๆบอกว่าไม่รู้หร๋อคะว่าทานไม่ได้ ส่วนใหญ่มันหมักดองทั้งนั้น อ้าววว!! ไม่รู้หรอกค่ะ บางคนเผลอ บางคนไม่ทราบ เพื่อป้องกันปัญหาที่จะเกิดในอนาคตระบุเลยค่ะคลินิกทั้งหลาย และแนะนำเลยค่ะผู้ที่ชื่นชอบรับประทานหน่อไม้ ควรหลีกเลี่ยงหลังจากทำศัลยกรรม 1-3 เดือนหลังการผ่าตัดจะช่วยให้แผลหายเร็ว ลดปัจจัยหนึ่งที่จะทำให้อักเสบขึ้นมาภายหลัง

-หน่อไม้สด มีสารไซยาไนด์ผสมอยู่ตามธรรมชาติ ควรต้มในน้ำเดือดอย่างน้อย 10 นาที ก็อร่อยได้อย่างปลอดภัย
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เผยผลสำรวจ การได้รับสารไซยาไนด์จากการบริโภคหน่อไม้ของคนไทย โดยใช้ค่าเฉลี่ยของการบริโภคหน่อไม้ต้มต่อคนต่อวัน พบคนไทยได้รับสารไซยาไนด์เฉลี่ย 0.041 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน ซึ่งค่าความปลอดภัย ที่ FAO และ WHO กำหนดไว้ ไม่ควรเกิน 0.05 มิลลิกรัมต่อกิโลกรัมต่อวัน
พร้อมแนะวิธีลดความเสี่ยงก่อนนำหน่อไม้มาบริโภค ให้ต้มด้วยความร้อนที่อุณหภูมิน้ำเดือดนานอย่างน้อย 10 นาที จะช่วยลดปริมาณสารไซยาไนด์ได้ถึง 90.5 %
คัดลอกเนื้อหาบางส่วนมาจาก Cr : ศูนย์ความรู้กรมอนามัย
http://kcenter.anamai.moph.go.th/info.php?info_id=359

-หน่อไม้ปี๊บ ยังมีหน่อไม้ปี๊บที่ผิดกรรมวิธียังมีการลักลอบทำและจำหน่ายในท้องตลาดทั่วไป ทั้งน่าน จ.เชียงรายและจังหวัดใกล้เคียง พบว่า มีการลักลอบหน่อไม้ปี๊บที่ไม่ได้มาตรฐานจากจังหวัดเชียงรายจำนวนมาก เบื้องต้นได้มีการประสานเจ้าหน้าที่สาธารณสุขจังหวัด (สสจ.)กวดขันการจำหน่ายในลักษณะดังกล่าวแล้วเพื่อป้องกันไม่ให้เกิดอันตราย ต่อผู้บริโภคต่อไป

ด้าน ผศ. มลิวรรณ์ กิจชัยเจริญ อาจารย์ประจำคณะวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีการเกษตรสาขาอุตสาหกรรมเกษตร มหาวิทยาเทคโนโลยีราชมงคลล้านนา จ.น่าน กล่าวว่า ที่ผ่านมาการผลิตหน่อไม้ปี๊บ ต้องใช้เวลานานพอสมควรในการปรับกระบวนการผลิตให้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ โดยจุดสำคัญอยู่ที่การเติมกรดมะนาว หรือที่เรียกว่า กรดซิตริกโดยหลักจะต้องปรับกรดดังกล่าวให้มีค่า pH ต่ำที่ pH 4.5เพื่อฆ่าเชื้อโบทูลินัมดังนั้น หน่อไม้ปี๊บที่ได้คุณภาพต้องมี รสเปรี้ยวนิดๆ จึงจะปลอดภัย

สารโบทูลินัมในหน่อไม้ดองหรือหน่อไม้ปี๊บที่ไม่ได้มาตรฐาน สามารถสร้างสารพิษ ที่ทำให้เกิดโรค botulism ที่อาจเป็นอันตรายถึงชีวิต
สารโบทูลินัมเจริญได้ในอาหารกระป๋อง (canned food) โดยเฉพาะอาหารประเภทกรดต่ำ (low-acid food ) ที่ฆ่าเชื้อแบบ commercial sterilization ไม่สมบูรณ์คือ ใช้อุณหภูมิหรือเวลาการฆ่าเชื้อไม่เพียงพอ

ผศ.มลิวรรณ์ ยังกล่าวอีกว่า “จริงๆแล้วทั้งหน่อไม้ปี๊บและหน่อไม้สด ให้คุณค่าทางอาหารน้อยมาก ที่สำคัญหน่อไม้สดยังพบสารไซยาไนน์ หรือสารพิษ หากไม่ต้มจนเดือดเกิน 100 องศาเซลเซียสการบริโภคถือว่าอันตรายมาก แต่การห้ามไม่ให้ชาวบ้านบริโภคคงไม่ได้เพราะเป็นวัตนธรรมการบริโภคของชาว บ้าน ดังนั้น ควรเหลือบริโภคที่ปลอดภัยดีที่สุด”ผศ.มลิวรรณ์ กล่าว
CR : ไทยรัฐออนไลน์
https://www.thairath.co.th/content/34813
4#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-16 21:12:05 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย takor-28 เมื่อ 2016-11-16 22:13

หลังจากหน่อไม้ ศัลยกรรมคางยังเซนซิทีฟกับอาหารอีกหลายประเภทมากๆ หลายๆคนอาจจะสังเกตหรือไม่สังเกตแตกต่างกันไป อันนี้ขอความเห็นจากเพื่อนๆที่ผ่าตัดทำศัลยกรรมคางและมีความคิดเห็นเหมือนกันดังรายการอาหารดังต่อไปนี้ และบังเอิญไปคล้ายคลึงกับบล็อคอยู่บล็อคนึงเลยขออนุญาตให้เครดิตค่ะ

1. ไม่ควรกินของมันจัด หวานจัด เค็มจัด ขนมหวาน กะปิ ปลาร้า ของหมักดองทุกชนิด (หลังจากกินอาหารเหล่านี้บวมทุกครั้ง โดยเฉพาะของเค็มๆ)
2. ห้ามกินข้าวเหนียว ใส่กะทิ ทุกชนิด แต่ข้าวเหนียวนึ่งปกติกินได้ครับ (ยังไม่เคยทานข้าวเหนียวค่ะไม่กล้า แต่ทานน้ำกระทิบวมเห็นๆค่ะ)
3. ห้ามกินกล้วยทุกชนิด ห้ามกินลองกอง ลางสาด และทุเรียน (ยังไม่เคยทานอย่างอื่นค่ะไม่กล้า แต่ทานกล้วยค่ะบวมเห็นๆ)
4. ห้ามกินไก่และสัตว์ปีกทั้งหมด (ทานตลอดค่ะ บวมๆยุบๆค่ะ)
5. ห้ามกินกุ้ง หมู ปลามันๆ เช่น ปลาดุก ปู หอย อาหารทะเล (ไม่ทานอาหารทะเลค่ะ คลินิกสั่งห้ามและไม่กล้าค่ะ 555)
6. ไม่ควรกินกาแฟ ชา ต่างๆ (ทานตลอดค่ะ บวมๆยุบๆค่ะ)
7. ไม่ควรกินปลาทู ฝักเขียว ฝักทอง ปลีกล้วย (เคยทานฝักทองค่ะบวมเห็นๆ)
8. อาหารที่ควรกินมื้อเช้า คือ ข้าวต้มกับหมูหย่อง (อันนี้คอนเฟิร์มว่าน่าจะจริงเพราะถ้าช่วงเวลาที่ทานอะไรจืดๆเช่นก๋วยเตี๊ยวน้ำใสติดๆกันหลายๆมื้อ แผลจะยุบและไม่บวม
9.เนื้อวัว (จากอ่านรีวิวหลายกระทู้มากกว่า 10 ราย ทานเนื้อวัวหลังทำศัลยกรรมภายใน 1-2 เดือนแรก แผลอาจบวมหรืออักเสบขึ้นมาได้)

คัดลอกเนื้อหาบางส่วนมาจาก
Cr : http://www.eanic.com/momeblog/อาหารแสลงแผลผ่าตัด/



คำกล่าวเหล่านี้ก็มีในทัศนะทางการแพทย์แผนจีนมาจากพื้นฐานที่ว่า “อาหารคือยา อาหารและยามีแหล่งที่มาเดียวกัน” การเลือกกินอาหารให้เหมาะสมเป็นศาสตร์และศิลป์ที่ต้องประยุกต์เปลี่ยนแปลงให้สอดคล้องกับภาวะที่เป็นจริงของบุคคล เงื่อนไขของเวลา และสภาพภูมิประเทศ (สิ่งแวดล้อม) จึงจะเกิดผลที่ดีต่อสุขภาพ ในแง่ของคนไข้ การเลือกกินอาหารให้เหมาะสม จะทำให้โรคร้ายทุเลาลง ช่วยเสริมการรักษาและฟื้นฟูร่างกาย ในทางกลับกันการเลือกอาหารไม่ถูกต้องหรือไม่เหมาะสม ย่อมทำให้โรคร้ายรุนแรง กำเริบและบั่นทอนสุขภาพมากขึ้น
อาหารแสลงหรืออาการต้องห้าม ในความหมายที่กว้าง หมายถึง
1. การกินอาหารที่มากเกินไป หรือน้อยเกินไป ก็เกิดโทษ
2. การกินอาหารชนิดเดียวกัน ซ้ำซาก ก็เกิดโทษ
3. การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับภาวะร่างกายในยามปกติ (ลักษณะธาตุของแต่ละบุคคล)
4. การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับภาวะเจ็บไข้ได้ป่วย หรือในขณะที่เป็นโรค
5. การกินอาหารที่ไม่สอดคล้องกับยาสมุนไพรที่ใช้รักษาในขณะเป็นโรค
การกินอาหารมากไป หรือน้อยไป และการกินอาหารชนิดเดียวกันอย่างซ้ำซากได้กล่าวมาแล้วในครั้งก่อน ที่จะกล่าวต่อไป คือ หลักการหลีกเลี่ยงอาหารในขณะเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยโรคต่างๆ หรือภายหลังการฟื้นจากการเจ็บป่วย

คัดลอกเนื้อหาบางส่วนมาจากเว็บหมอชาวบ้าน
Cr : https://www.doctor.or.th/article/detail/2916
5#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-16 21:16:15 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย takor-28 เมื่อ 2016-11-16 21:46

ส่วนหลังสุดการดูแลการทำศัลยกรรมคางคงหลีกหนีไม่พ้นการเลี่ยงไม่ให้แผลโดนน้ำ เราขอแนะนำเลยว่าการทำกิจกรรมประจำวันหลังจากที่แกะบล็อคของคลินิกออกคือต้องซื้อพลาสเตอร์กันน้ำติดบ้านไว้เพราะคุณยังต้องใช้ตลอดเป็นระยะเวลาเป็นเดือนๆก่อนแผลหายสนิท เพราะทุกครั้งที่เราแปรงฟัน น้ำจากยาสีฟันจะย้อยตามแรงโน้มถ่วงอยู่เสมอ ฉะนั้นทุกครั้งที่คุณแปรงฟันแปะเถอะค่ะเพื่อแผลเลี่ยงการติดเชื้อและหายไว ส่วนอีกกรณีคือการสระผมถ้าแผลยังไม่ปิดสนิทอย่าสระผมเองเด็ดขาดค่ะถึงแม้ปิดพลาสเตอร์กันน้ำก้อตาม เพราะพลาสเตอร์กันน้ำเอาไม่อยู่ค่ะเมื่อเจอความชื้นในห้องน้ำและเจอแชมพู น้ำแอบซึมเข้าแผลอยู่ดี รอแผลปิดสนิทก่อนค่อยสระเองนะคะ เราก็มีเพียงเท่านี้ที่อยากมาแชร์เนื่องจากตอนที่เราทำศัลยกรรมคางแรกๆหากระทู้อ่านรีวิวการดูแลรักษาหลังทำยากมาก ช่วงแรกๆเดือนแรกอย่านอยส์เรื่องคางมะม่วงนะคะ ถ้ามั่นใจว่าเลือกสิริโคนที่เหมาะสมกับใบหน้าดีแล้ว เพราะอย่างที่บอกมันเข้าที่ช้า บวมๆยุบๆอยู่ตลอดเวลา ประกอบกับการที่สิริโคนตำแหน่งวางอยู่หน้าคางช่วงแรกๆถ้าประกอบกับคางยังบวมอยู่อาจดูเป็นมะม่วงนิดๆ ต้องระมัดระวังการกินและการโดนน้ำ แผลก็จะแห้งไวและสวยเร็วยิ่งขึ้นค่ะ   สวัสดีค่ะ!!


Cr : รูป http://meedmoh.com/%E0%B9%80%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%B2%E0%B8%87/

chin2 (1).jpg (10.67 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 308)

chin2 (1).jpg

เสริมคาง.jpg (26.34 KB, ดาวน์โหลดแล้ว: 319)

เสริมคาง.jpg
ขอบคุณมากๆค่ะกำลังนอยกะคางมะม่วงยุทำได้12วันค่ะ
7#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-24 16:20:47 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
NamfonKkcity ตอบกลับเมื่อ 2016-11-21 22:59
ขอบคุณมากๆค่ะกำลังนอยกะคางมะม่วงยุทำได้12วันค่ะ

การทำศัลยกรรมคาง เป็นธรรมดาอยู่แล้วค่ะที่จะเป็นคางมะม่วงเพราะตำแหน่งการวางๆอยู่หน้าคาง และเกิดจากการบวมด้วย จะค่อยๆดีขึ้นหลังจากผ่านเดือนที่ 2 ไป เพราะแผลภายในเริ่มหายสนิท ระมัดระวังเรื่องการกินหน่อยนะคะ แผลจะได้หายไวๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
8#
 เจ้าของ| โพสต์ 2016-11-24 16:20:52 | ดูเฉพาะโพสต์สมาชิกนี้
NamfonKkcity ตอบกลับเมื่อ 2016-11-21 22:59
ขอบคุณมากๆค่ะกำลังนอยกะคางมะม่วงยุทำได้12วันค่ะ

การทำศัลยกรรมคาง เป็นธรรมดาอยู่แล้วค่ะที่จะเป็นคางมะม่วงเพราะตำแหน่งการวางๆอยู่หน้าคาง และเกิดจากการบวมด้วย จะค่อยๆดีขึ้นหลังจากผ่านเดือนที่ 2 ไป เพราะแผลภายในเริ่มหายสนิท ระมัดระวังเรื่องการกินหน่อยนะคะ แผลจะได้หายไวๆ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
ฟักทองกินไม่ได้เหรอคะ  ในเพจ ฟักทอง ลดบวม ช้ำ หลังจาก ศัลยกรรมนะคะ
https://theerathornclinic.com/blog/%E0%B8%9A%E0%B8%97%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%B2%E0%B8%A1-%E0%B8%AD%E0%B8%B2%E0%B8%AB%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%97%E0%B8%B5%E0%B9%88%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B8%A7%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%94%E0%B8%81/
ขออภัย! คุณไม่ได้รับสิทธิ์ในการดำเนินการในส่วนนี้ กรุณาเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ลงชื่อเข้าใช้ | ลงทะเบียน

รายละเอียดเครดิต

ติดต่อผู้ดูแลเว็บไซต์ได้ที่ webdungdong@gmail.com|บริษัท ดั้งโด่งดอทคอม จำกัด|ติดต่อลงโฆษณา| ดั้งโด่งดอทคอม@2020

Copyright © 2001-2013 Comsenz Inc.   All Rights Reserved. Powered by Discuz! X3.2 R20140618, Rev.27, Thzaa City 1 Style

ตอบกระทู้ ขึ้นไปด้านบน ไปที่หน้ารายการกระทู้