ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: เล่าประสบการณ์ลดโหนกและตัดกรามหมอจุฑาคลีนิคปากน้ำ [สั่งพิมพ์]

โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 21:43
ชื่อกระทู้: เล่าประสบการณ์ลดโหนกและตัดกรามหมอจุฑาคลีนิคปากน้ำ
เล่าประสบการณ์การผ่าตัดกรามและลดโหนกหมอจุฑาคลีนิกปากน้ำค่ะ อันนี้ขอโทษด้วยค่ะไม่มีรูปรีวิวนะคะ แต่จะเล่าประการณ์ที่ทำในครั้งนี้คะ เป็นครั้งแรกที่เขียน อาจจะวนไปวนมาหรืออ่านแล้วไม่ค่อยรู้เรื่องต้องขอโทษด้วยนะคะ

  ก่อนที่จะทำการผ่าตัดกรามครั้งนี้เราหาข้อมูประมาณ2เดือนค่ะ ตอนแรกเราทำการจองและมัดจำไว้ที่โรงบาลแห่งหนึ่ง7000บาท แต่เราเกิดเปลี่ยนใจ10วันสุดท้ายค่ะ เสียค่าจองไป แต่เราไม่ซีเรียสคะ ตอนแรกที่ไม่ได้จองกับหมอจุฑาเพราะติดเรื่องเวลา แต่พออ่านและหาข้อมูลไปเรื่อยและคนรอบข้างก็บอกว่าถ้าจะทำทั้งที่ก็ทำที่ๆเรามั่นใจที่สุดไปเลย เรามั่นใจหมอจุฑาที่สุด จากนั้นจึงตัดสินใจมาปรึกษาหมอจุฑาช่วงกลางเดือมีนาคม 2557
คือตอนที่มาปรึกษาเราอ่านรีวิวเยอะเรื่องความกวนของหมอ เราจึงทำใจไว้เลยค่ะ ว่าอาจจะโดนกวนแรงๆ แต่พอมาถึง เราไม่โดนอะไรเลยค่ะ หมออาจจะพูดกวนๆบ้างแต่เราคิดว่าไม่ได้แรงอะไรเลย พอหมอเห็นหน้าเรา "โหห อย่างนี้ต้องเพิ่มราคานะคะเนี้ย คือราคาลดโหนก+ตัดกราม 120000 (70000+50000)
หมอบอกของเราน่าจะสามแสน คือเค้าพูดเล่นๆ เราก็หัวเราะ ไม่คิดอะไรเลยค่ะ หมอค่อนข้างมีอารมณ์ขันนะคะ ความจริงใจดีมากคะ จากการที่เราเจอบ่อยๆ
   
    สรุป เราไปจองคิวช่วงกลางเดือนมีนาคม2557 ได้คิววันที่3ก.ค2557 รวมแล้วรอคิวประมาณเกือบสี่เดือนค่ะ
ทำใจไว้แล้วว่าน่าจะโดนเลือนแต่ทำใจแต่ทำใจไว้แค่1-2วัน แต่ทางคลีนิกโทรมาเลือนประอีกสองอาทิตย์ ตอนแรกตกใจค่ะไม่คิดว่าจะโดนเลือนนานขนาดนี้ ทางคลีนิกให้เหตุผลว่าหมอต้องไปประชุมช่วงกลางเดือนและก่อนหน้านี้ทางคลีนิกไฟดับ เราเลยโดนเลือนมาเป็นวันที่18 ก.ค. 2557
เช้าวันที่18 ก.ค. ทางคลีนิกโทรมาบอกว่าห้องไม่ว่างให้เข้ามาพรุ้งนี้ เช้าวันที่19เราโทรถามเค้าก็เลื่อนไปอีก สรุปเราได้เข้าไปคลีนิกจริงๆวันจันทร์ที่ 21 ก.ค. 2557
อยากให้คนที่กำลังจะทำที่หมอจุฑาทำใจเรื่องเวลาจริงๆคะ ยิ่งช่วงนี้โดนเลือนเยอะที่สุดตั้งแต่ทำมาเลยค่ะ เราถามพยาบาลเค้าบอกว่าไม่เคยเลื่อนคิวนานขนาดนี้เลยค่ะ คนทำคิวนี่รับหน้าลูกค้าไม่ถูกเลย
แต่ก่อนหน้านั้นวันที่20 ทางคลีนิกเรียนกเราให้ไปทำการตรวจเลือดและเอกซ์เรที่โรงพยสบาลเปาโล แล้วให้กลับบ้าน กลับมาอีกทีวันจันทร์ที่21 ก.ค. 2557 ค่ะ พอมาถึงก็รอหมอตรวจอีกทีถึงจะได้ขึ้นห้องข้างบน
พอเจอหมอหมอทักเลยค่ะว่าอ้วนขึ้นใช่ไหม เราบอกว่าใช่ค่ะ เราถามหมอว่าจำหนูได้หรอคะ หมอบอกป่าว จำไม่ได้ แต่คือในประวัติตอนที่มาปรึกว่า หมอบอกว่าถ้าหน้ากลมแบบนี้หมอจะแนะนำให้ทำวีไลน์ แต่ตอนที่เรามาปรึกษาหมอบอกไม่ต้องทำวีไลน์เพราะเราคางเเหลมอยู่แล้ว  คือก่อนหน้าที่จะเข้ามาผ่าตัด เราเพิ่มน้ำหนักค่ะ กลัวว่าตอนผ่าตัดร่างกายจะไม่แข็งแรง เราหยุดยาทุกอย่างทั้งอาหารเสริมก่อนการผ่าตัดประมาณเดือนครึ่ง ซึ่งความจริงประมาณ2อาทิตย์ก็พอ จากปรกติเราน้ำหนักประมาณ44 กก. ตอนที่มาผ่าตัดเราหนักขึ้น48-49 กก.

โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 21:44
วันที่จะมาผ่าตัดเราทำใจกับการต้องนอนรอในคลีนิกว่าน่าจะได้ทำอีก5-6คืนจากการอ่านรีวิวและถามพยาบาลคะ ว่าทั้งหมดมีห้องพักฟื้นข้างบน 6ห้อง เราจึงทำใจไว้เลยว่าน่าจะได้ทำอีก 6คืน จะได้ไม่เสียความรู้สึก เราทำใจสบายๆที่จะนอนรอคะ สรุปหมอบอกว่าพรุ้งนี้เช้า(คือเช้าวันอังคารที่22) แต่เราก็ไม่คิดว่าจะได้ทำค่ะ เพราะอ่านมาเยอะว่าบางคนโดนอดข้าวอดน้ำแล้วยังไม่ได้ทำก็มี เราจึงไม่ดีใจไปล่วงหน้า คืนวันจันทร์ที่21 ก.ค. ตอนเทียงคืนพยาบาลสั่งงดข้าว งดน้ำค่ะ เรายังไม่ดีใจ แต่ก็อดข้าวตอนเที่ยงคืน เช้าวันอังคารตอนเจ็ดโมงพยาบาลเอาโจ๊กมาให้กินค่ะ แล้วบอกว่าหลังจากเจ็ดโมงครึ่งให้อดข้าวอดน้ำเลยคือตอนนี้มีอะไรกินไปก่อนเลยเยอะๆ ขนมหรือของกินเล่น เราจึงอดข้าวและน้ำตอนเจ็ดโมงครึ่ง และยังคิดอีกอยู่ดีว่าคงงยังไม่ได้ทำหรอก แต่ก็อดตามที่พยาบาลบอก


   จนหนึ่งทุ่มพยายาลขึ้นมาบอกให้เราอาบน้ำสระผมให้สะอาดแล้วใส่ชุดสีเขียวไม่ต้องใส่กางเกงในและเสื้อใน ตอนนั้นใจเราไปแล้วคะ เริ่มตื้นเต้นมากๆ พออาบน้ำเสร็จแล้วตื่นเต้นมากๆว่าเมื่อไรเค้าจะมาเรียก สองทุ่มครึ่งของวันอังคารที่22 ก.ค. 2557 พยาบาลขึ่นมาเรียกค่ะ และวัดอุณหภูมิร่างกาย สิ่งหนึ่งที่พยาบาลถามบ่อยมากคือ ไม่ได้ทานยาหรือวิตามินมาใช่ไหม คือห้ามโกหกนะคะ เพราะพยาบาลบอกว่ามันอันตรายมาก เราขึ้นไปนอนในห้องผ่าตัดดูเวลาตอนนั้น 2ทุ่ม40นาที ตอนนั้นหมอยังไม่มาคะ มีพยาบาลและวิสัญชนีรวมแล้วตอนนั้นประมาณ6-7คน  ตอนที่เข้าห้องผ่าตัดก็มีความคิดเหมือนใครหลายๆคนเลยคะว่า กลัวจะไม่ตื่นขึ้นมา กลัวมากคะ ความคิดนี้ ตอนที่นอนบนเตียงเราก็มองไปรอบๆห้องผ่าตัด ใจนี่เต้นเร็วๆตลอด มองรอบๆห้องเห็นมีกรพดาษติดข้างฝาผนังเรื่องการดูเเลคนไขตอนผ่าตัดค่อนข้างเข้มงวดเลยคะ "ต้องมีเวรเปลี่ยนห้ามปล่อยคนไข้ไว้ไม่งั้นเก็บของกลับบ้านไป" ประมาณนี้คะ เท่าที่อ่านแล้วจำได้  หลังจากนั้นเราโดนสายน้ำเกลือและดมยาคะ ประมาณไม่เกินห้านาทีเราก็หลับไปไม่รู้เรื่องอีกเลย จำได้แค่ตอนโดนปลุก ให้เราชูนิ้วสองนิ้ว และเรียกชื่อ และก็หลับอีก และรู้สึกอีกครั้งตอนโดนเปลี่ยนเตียงและหลับต่อ เรามารู้สึกตัวและสลึมสลือตอนอยู่ในห้องดูอาการค่ะ ตอนนั้นทรมานมาก จะมีที่พันหัว พยาบาลบอกว่าอีก8ชัวโมงถึงจะเอาออก ตอนนั้นเราก็นับเวลาอยู่ในใจ คิดว่าน่าจะแปดหรือเก้าโมงเช้า เราตื่นขึ้นมามีพยาบาลเฝ้า ตอนนั้นเราบอกว่าหายใจไม่ออก พยาบาลบอกว่ามีท่อหายใจอยู่แล้ว ทำใจสบายๆไม่ต้องเกร็ง เราก็หลับต่อตอนที่พยาบาลปลุกเอาที่พันหัวออก ตอนนั้นโล่งมากคะ หลับๆตื่นๆแบบไม่รู้เวลาจนต้องถามพยาบาลว่ากี่โมงแล้ว พยาบาลบอกว่าบ่ายโมง เดี่ยวประมาณ 3โมงจะเอาสายระบายเลือดออกให้ เราก็หลับต่อแบบทรามาณคะ คือตอนนั้นรู้สึกคอแห้งมากๆๆขอพยาบาลกินน้ำได้ไหม พยาบาลจึงป้อนน้ำให้ค่ะ แต่ให้กินแบบน้อยๆประมาณ 4 สลิ้ง พยาบาลเริ่มาถอดสายฉี่ ตอนนี้เราเจ็บๆมากๆคะ แต่แบบแปปเดี่ยว หลังจากนั้นปลุกเรามาถอดสายระบายเลือดออก ตอนนี้เราอ่านมาว่าเจ็บมากทำใจไว้แล้วคะ แต่สรุปว่าพยาบาลมือเบามากไม่เจ็บเลย   
     
โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 21:44
พอถอดสายระบายเลือดออกพยาบาลถามว่าเดินขึ้นห้องพักไหวไหม เราบอกว่าไหว เพราะว่าตอนที่มามีเพื่อนมาเฝ้าหนึ่งคน เรากลัวเพื่อนเป็นห่วงเลยเดินขึ้นห้องพักตอนนั้นเวลาบ่ายสามโมงกว่าๆ พอขึ้นมาเพื่อนเราบอกว่า "นี่แกหายไปสองวันนะ ฉันเป็นห่วงมาก" ตอนนั้นไม่เชื่อเพื่อนคะ คิดว่าเพื่อนหลอก ในใจยังคิดว่าเป็นบ่ายสามของวันพุธที่23 อยู่ เพื่อนเอาโทรศัพท์มาให้ดู บอก "เนี้ยวันนี้พฤหัสที่24 กค. 2557" แล้ว ตอนนั้นตกใจมากก ไม่คิดว่าเราจะหายไปสองวัน เพื่อนเราจึงเล่าให้ฟังว่า เช้าวันพุธที่23 ตอนแปดโมง เพื่อนเราไปถามพยาบาลเเล้วตอนนั้นเรายังผ่าตัดไม่เสร็จ เพื่อนเราไปถามพยาบาลบ่อยมากว่าเราผ่าตัดเสร็จรึยัง จนตอนเที่ยงกว่าของวันพุธพยาบาลจึงบอกว่าเราผ่าตัดเสร็จแล้ว ตอนนี้อยู่ห้องดูอาการ แต่ไม่สามารถเยี่ยมได้คะ สรุปเราอยู่ในห้องผ่าตัดตั้งแต่คืนวันอังคาร 20.40-12.00วันพุธ รวมแล้วอยู่ในห้องผ่าตัดประมาณ16ชั่วโมงและมานอนอยู่ในห้องดูอาการถึงบ่ายสามวันพฤหัส

    เรานอนต่อคืนวันพฤหัสอีกหนึ่งคืน อีกอย่างที่เราคิดว่าควรจะต้องมีเลย คือคนเฝ้าไข้ ถ้าเราไม่มีเพื่อนไปด้วยเราคงใจไม่ดีและคงแย่กว่านี้คะ เพราะวันที่นอนบนห้องเรามีอาการหลายอย่าง เช่นเวียนหัวและต้องเปลี่ยนเจลประคบบ่อยๆ ซึ่งต้องเดินออกมาเอาที่ห้องรวม เราเวียนหัวมากและมีอาการคลื้นใส้และอวกออกมาหนึ่งครั้ง เราจึงคิดว่ามีเพื่อนค่อยดูแลเป็นสิ่งจำเป็นมาก
   
     เช้าประมาณสิบวันศุกร์โมงพยาบาลก็บอกว่ากลับบ้านได้แล้วคะ เราจึงอาบน้ำและกลับบ้านตอนเที่ยงๆ  พยาบาลบอกให้ฝึกอ้าปากเยอะๆ และให้ยากลับบ้าน หลังจากนั้นสามวันให้มาใหม่ กลับบ้านมาร่างกายเราอ่อนแอมาก เป็นหวัด ตอนกลางคืนหายใจไม่ออกเลย สามวันแรกหน้าบวมมาก กินอะะไรไม่ได้เลย ทานได้แต่โจ๊ก เคี้ยวไม่ได้เลยคะ เราพยายามเดินเยอะอย่างที่หลายกะทู้บอก ก็ช่วยลดบวมได้เยอะ ประคบเย็นประมาณ 7วัน ตอนนี้ผ่านมา11-12แล้ว หน้าไม่ค่อยบวมแล้วคะ เราออกไปเดินห้างตั้งแต่วันที่6 ไปแบบบวมๆเลยคะ จนวันนี้(จันทร์ที่4สิงหา) เราไปทำงานแล้วคะ ถ้าไม่สังเกตุดีๆจะไม่รู้เลย แต่สิ่งที่เรารู้ได้ตั้งแต่วันเเรกที่ออกมาเลยว่า ไม่มีกรามเลย ตรงกรามเรียวมากๆคะตอนนี้รอโหนกยุบอย่างเดียวเลย

   สรุป เราประทับใจคุณหมอมาก พยาบาลที่นี้ดูแลดีทุกคนค่ะ ไม่มีไม่ดีเลย  หน้ายุบเร็วมาก(ในความคิดเรา) สิ่งที่เราเจอเราว่าคุณหมอมีทั้งอารมร์ขันขี้เล่น แต่เวลางานแกค่อนข้างจริงจัง สังเกตุจากหลายๆอย่างค่ะ ที่นี้พยาบายและผู้ช่วยพยาบาลเยอะมากค่ะ ทั้งประจำและไม่ประจำ เราว่าน่าจะมีสองชุด ที่เรานับได้ประมาณเกือยสามสิบคน ร่วมแม่บ้านสามคน ห้องนอนพักฟื้นมี6ห้อง สามารถเอาคนดูแลไปได้ 1คน ห้องน้ำสะอาด ที่คลีนิกมีพวกสบู่ยาสระผมให้ครบเลยค่ะ ถ้าหมดขอได้ เอาชุดตอนใส่กลับบ้านและชุดชั้นในไปแค่นั้นเอง แต่อาหารของคนเฝ้าต้องหาทานเองนะคะ แถวนั้นมีตลาดและร้านอาหาร เซเวนอยู่ใกล้ๆ สามารถเดินไปซื้อมากินข้างบนได้ แต่ต้องกลับเข้ามาก่อน6 โมงเย็น เพราะการขึ้นไปห้องพักฟื้นจะต้องมีพยาบาลมากดรหัสเปิด-ปิดประตูให้ ถึงจะเข้าออกได้
   
     ตอนนี้เราน้ำหนักกลับมาเท่าเดิมก่อนที่จะเพิ่มน้ำหนักเลยคะ และฝึกอ้าปากอยู่ ช่วงนี้เราไปคลีกนิก2-3วันครั้ง เพราะมีปัญหาการอาปาก หมอบอกว่าเรายังอ้าได้ไม่ดี หมอจึงให้มาง้างปากทุก2 วัน หรือถ้าทุกวันจะดีมาก

    ที่มาเล่าประสบการณ์เพื่อที่ใครที่กำลังตัดสินใจจะทำอยู่ค่ะ หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับใครหลายคน ตอนที่เราจะทำเราก็มาได้ข้อมูลจากที่นี่เยอะมากก   กว่าจะตัดสินใจได้ัั้งกลัวมาก และรอนานมาก ทำให้คิดหลายรอบเลยคะว่าจะเอายังไงดี แต่มันใจในหมอมากจึงไม่เปลี่ยนใจ
แต่ทุกอย่างผ่านมาได้ด้วยดีคะ ต้องบอกก่อนเลยว่าต้องใจเย็นๆ ทำครั้งเดี่ยวในชีวิต อยากให้รอคะ เพราะหมอทำค่อนข้างประณิต ทำออกมาแล้วหน้าเรียวแน่นอนคะ  
โดย: AoTa    เวลา: 2014-8-4 22:20
เราทำวีไลน์มาได้ 20 วันแล้วค่ะ ตอนนี้เริ่มคิดอยากจะยุบโหนกบ้างแล้ว  
โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 22:24
ต้นฉบับโพสต์โดย AoTa เมื่อ 2014-8-4 22:20
เราทำวีไลน์มาได้ 20 วันแล้วค่ะ ตอนนี้เริ่มคิดอยากจะย ...

เราว่าหน้ายุบเร็วมากเลยเลย เห็นการเปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนเลย คุณ AoTa เป็นเหมือนกันใช่ไหมคะ เราดีใจที่ตัดสินใจไม่ผิดที่เลือกหมอจุฑาคะ
โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 22:49
สำหรับใครที่กลัวเรื่องเครื่องมือหมอ เพื่อนเราที่เป็นพยาบาลบอกว่าที่นี่คือโรงพยาบาลย่อมๆเลยคะ เพราะเพื่อนเราบอกว่ามีทั้งห้องอบเครื่องมือหรืออุปกรณ์ต่างๆจากที่เพื่อนเราสังเกตุ เพื่อนเราบอกว่าได้มาตรฐานมาก อันนี้เพื่อนที่ไปเยี่ยมเราบอกมานะคะ
โดย: oilnaruk_6    เวลา: 2014-8-4 23:06
ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ เชื่อใจในฝีมือคุณหมอค่ะ ตอนนี้ก้ออดทนรอค่ะ ได้คิววันที่ 28 สิงหาคมนี้ แต่คิดไว้แล้วค้องโดนเลื่อนแน่ๆค่ะ..สวยกันแล้ว อิจฉาจังเรยค่ะ
โดย: wikulnwikuln    เวลา: 2014-8-4 23:15
ต้นฉบับโพสต์โดย oilnaruk_6 เมื่อ 2014-8-4 23:06
ขอบคุณมากนะค่ะสำหรับข้อมูลดีๆ เชื่อใจในฝีมือคุณหมอ ...

เชื่อมือหมอและอุกรณ์ได้เลยคะ อาจจะช้ามากกกกกถึงมากที่สุด คุณ oilnaruk_6 ในการโดนเลือนสองถึงสามอาทิตย์ แต่อยากให้อดทนรอคะ เพราะหมอทำแล้วออกมาหน้าเรียวจริงๆ
โดย: oilnaruk_6    เวลา: 2014-8-4 23:46
ขอโทษนะค่ะ...แอดไลน์ มาคุยกันได้ไหมค่ะ อยากจะปรึกษาบ้างค่ะ รบกวนด้วยนะค่ะ เราไลน์ ID: oil..ly
โดย: zazaalizeid    เวลา: 2014-8-5 03:33
ก็ดีนะคะ ไม่ว่าคลีนิคไหนก็ต้องมีอุปกรณ์แบบนี้ทั้งนั้นแหละค่ะ โรงพยาบาลย่อมๆอะไรกันล่ะ

ล้ะก็อย่าไปฟังพนักงานโม้มากนะคะโดยเฉพาะผู้ช่วยหมอ ทุกคนในคลีนิคจะชอบอวยคุณหมอแบบเว่อร์ๆทั้งนั้นอ่ะค่ะ
ไม่ว่าจะเป็นพยาบาล พนักงานใส่ชุดพยาบาล คนนัดคิว ผู้ช่วย บลาๆๆๆๆๆๆ

นานาจิตตัง


โดย: ddooww    เวลา: 2014-8-5 07:47
รอชมรูปนะคะ อยากลดโหนกเหมือนกัน แต่กล้าๆกลัวๆ
โดย: Yoojiho    เวลา: 2014-8-30 09:45
แอดไลน์ปรึกษาได้ไหมคร่า mee-jangguensuk ขอบคุรคร่า




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) Powered by Discuz! X3.2