ดั้งโด่งดอทคอม
ชื่อกระทู้:
แฉเสริมจมูกด้วย silicone ทำไมในหลาย case จึงเบี้ยว
[สั่งพิมพ์]
โดย:
sutabordee
เวลา:
2013-7-11 08:32
ชื่อกระทู้:
แฉเสริมจมูกด้วย silicone ทำไมในหลาย case จึงเบี้ยว
มีโอกาสไปนั่งคุยกับอาจารย์แพทย์ ด้านศัลยกรรมเวชศาสตร์ ตัวจริง สอนแพทย์จริง ไม่ใช่ที่เรียกตามพยาบาลตาม รพ.เอกชน ทั้งที่ไม่ได้เคยสอนในคณะแพทย์ศาสตร์ที่ไหนเลยซักหน่อย (ซึ่งสมัยนี้ รายการทีวี ทั้ง freeTV, cable, ดาวเทียม พยายามเรียกหมอศัลยฯหลายคนว่าอาจารย์ เพื่อเพิ่มความเชื่อถือ และแรงจูงใจในทางการตลาด รวมทั้งสถาบันความงามที่รับทำศัลยกรรมด้วย และมีนโยบายให้พนักงาน พยายามเรียกคุณหมอผู้ปฏิบัติการในสถานที่นั้นๆว่าอาจารย์)
เข้าเรื่องกันครับ ทำไมการศัลยกรรมจมูกจึงมี case เบี้ยวเกิดขึ้น
คุณหมออธิบายว่า สาเหตุหลักๆ และใหญ่ๆ มี 2 กรณีคือ ขั้นตอนการเปิดโพรงหรือเลาะ และขั้นตอนการเหลาขึ้นรูป silicone ที่ไม่รับกับสันฐานของพื้นกระโหลกสันจมูก
กรณีแรก ท่านให้ความกระจ่างว่า มีความเป็นไปได้ ว่าการเปิดแผลที่มีความนิยมเปิดแผลเล็กๆในรูจมูกข้างเดียว แล้วเลาะเข้าไปให้เกิดโพรงเพื่อนำ silicone เข้าไปวาง ซึ่งโพรงนี้เอง หากไม่ประณีตพอหรือเหมาะสม โพรงนี้ไม่สมดุลเพียงพอทั้ง 2 ฝั่ง การสมานของเนื้อเยื่อ (กรณีทำใหม่ๆ) รวมทั้งพังผืดที่จะเกิดขึ้นเพื่อหุ้ม silicone ไว้(กรณีทำมาสักระยะแล้วค่อยๆเบี้ยว) จะทำให้สังเกตุจากภายนอกได้ว่ามันจะเบี้ยว เรื่องนี้ทำให้คุณหมอบางท่าน หาวิธีแก้ไขให้มีความประณีตในการเปิดโพรงให้เท่ากันทั้ง 2 ข้างมากที่สุด ด้วยการใช้วิธีเปิดแผลจากรูจมูกทั้ง 2 ข้าง คุณหมอพยายามทำให้ดี แต่คนเข้ารับบริการกลับไม่ชอบ เพราะเจ็บ 2 แผล การค่อยๆสมานตัวของเนื้อเยื่อ และพังผืดที่เกิดขึ้นหุ้มสิ่งแปลกปลอมนี้เองเป็นสาเหตุหลักของการเบี้ยวเอียง
กรณีที่สอง คุณหมอเล่าต่อไปว่า การเหลาขึ้นรูป silicone นั้นส่วนที่สำคัญ อยู่ตรงทั้งด้านล่างที่แนบฐาน และด้านบนที่ดันเนื้อเยื่อให้เป็นรูปทรงจมูก ซึ่งการรั้งตึงของหนังจมูกนั้นไม่เท่ากัน การปฏิบัติการ ต้องอาศัยความละเอียดในการสังเกตุ รวมทั้งประสบการณ์ที่ผ่านมือเป็นอย่างยิ่ง ในส่วนด้านล่างของ silicone ความผิดพลาดของการเหลานั้น เพียงมิลิเมตร หรือไม่ถึง ไม่แนบ ก็อาจเกิดความเบี้ยวในภายหลังได้ทั้งสิ้น ในด้านบนของ silicone ก็เช่นกัน ความไม่สมมาตร ก็อาจเกิดการทับดึง ของเนื้อเยื่อดึงไปข้างใดข้างหนึ่งมากกว่าได้ เป็นข้อพิจารณาของคุณหมอหลายท่าน พยายามไม่ใส่ silicone ให้โด่งมากหลีกเลี่ยงการเบี้ยว และบางท่านเปิดโพรงรูปตัว U คว่ำ และเหลา silicone ให้หุ้มฐานกระดูกให้มากขึ้น แต่ก็มีผลตามมาอย่างเลี่ยงไม่ได้คือการบวมช้ำมากกว่า เพื่อป้องกันจมูกเอียงของจมูกหลังเข้ารับการผ่าตัด
โดย:
sutabordee
เวลา:
2013-7-11 08:33
คุณหมอบอกต่อว่า เราจะสังเกตุได้ ว่ากรณีการเสริมจมูกเฉพาะตำแน่งด้านบน หรือสันจมูกด้านบนเพื่อแก้ไขเฉพาะสันจมูกตำแหน่งสั้นๆ โอกาสการเบี้ยวแทบไม่มีให้พบ จึงพออนุมานได้ว่า การสมานตัวขอเนื้อเยื่อ ต่อ silicone ยาวตั้งแต่สัน ยาวถึงปลายจมูก มีผลต่อการเบี้ยวอย่างมีนัยะสำคัญ เพื่องจากจมูกของเราหุ้มจมูกอยู่ 2 ส่วน คือทั้งฐานกระโหลกที่เป็นจมูกส่วนบน และกระดูกอ่อนจมูกคือส่วนล่างลงมาถึงจมูกส่วนปลาย ซึ่งเป็นเรื่องของสันฐานล้วนๆ
จมูกเกาหลี ซึ่งทั่วๆไปเราเข้าใจว่าการเปิดกลางจมูกเพื่อจัดแต่งโครงสร้างกระดูกอ่อนใหม่ ก็เพื่อกันปลายทะลุ ที่จริงแล้วนั้น กลับเป็นวิธีการผ่าตัดเพื่อเลียนแบบธรรมชาติด้วย คือส่วนของกระดูกแข็งก็ใส่ silicone ส่วนกระดูกอ่อน ก็จัดทำโครงสร้างใหม่แบ่ง 2 ส่วนกันไปเลย ผลดีคือ 1 เป็นธรรมชาติ 2 หลีกเลี่ยงการเอียงจากการรั้งจาก silicone ยาวตลอดแนว 3 โอกาสทะลุปลายจมูก 4 การกระบบกระเทือนจากไม่ตั้งใจบริเวณปลายจมูก จะไม่มีผลใดๆ แต่ข้อเสียก็มี คือ 1 การเปิดปลายจมูกทั้งหมด เพื่อจัดโครงสร้างกระดูกอ่อนเป็น case ที่ใหญ่กว่า บวมและต้องพักฟื้นมากกว่า 2 ถ้าปลายจมูกโครงสร้างเดิมน้อย ต้องหากระดูกอ่อนในตัวอีกที่ เช่นใบหู ต้องเจ็บตัวหลายที่ 3 มีกรณีที่ใช้กระดูกอ่อนหลังใบหู เจ็บอยู่นานกว่าตัวจมูก 4 การจัดโครงสร้างกระดูกอ่อน ยัง design รูปแบบที่เปลี่ยนไปได้จำกัดกว่า silicone คือจัดให้ดูพุ่งได้ไม่เท่า silicone 5 การจัดโครงสร้างกระดูก เปลี่ยนรูปร่างให้ดีขึ้นเฉพาะจมูกส่วนล่างบริเวณตอนปลาย ซึ่งยังต้องใช้ silicone เสริมความโด่งร่วมช่วยด้วย แต่พยายามให้สั้นตามแนวสันให้มากที่สุด คุณหมอบอกว่า ปลายจมูกประกอบด้วยหลายและรูจมูก น่าจะถือเป็น natural design เพราะวันเป็นประโยชน์การใช้สอยของมนุษย์จริงๆ ส่วนสันจมูกเป็นส่วนตามเท่านั้น แต่มักจะไม่ตรงความต้องการของคนที่มารับการผ่าตัดแทบทั้งสิ้น สรุปคือทั้งปลายจมูกและสันจมูก ไม่สำคัญเท่ารูปจมูก (เออจริงครับ :)) ส่วนสันจมูก ถูกธรรมชาติออกแบบมาตามสภาพภูมิอากาศ ควาหนาแน่นอากาศ ของโลกและเผ่าพันธุ์
ความเป็น perfectionist เฉพาะเรื่องของจมูกเรื่องเดียว บางครั้งและหลายครั้งของหมอคนทำ และความต้องการของคนไข้ เป็นคนละเรื่อง และมีหลายมิติ ความต้องการของคนไข้บางส่วน เป็น fantasy และขาดเหตุผล แต่ความสมบูรณ์แบบของหมอคนทำ เป็นไปตามหลักการ และจำกัดระดับเพดานความต้องการของคนไข้เอาไว้ด้วยเหมือนกัน หลายครั้งมากๆที่ความเก่งฉกาจในความหมายของหมอคือเย็บสวย ทำครั้งเดียวจบ สวยตามเพดานโครงสร้างเดิมของคนไข้ (เอ็งสวย หล่อได้แค่นี้หล่ะ เกินกว่านี้ จะอันตราย และไม่จบ) แต่ความเก่งฉกาจของหมอในมุมมองของคนไข้คือ ตามใจ ได้พุ่งได้โด่งตามที่ขอ เจ็บตัวน้อย
คุณหมอคุยให้ฟังว่าในการคุยกันเองในการสัมนาอบรมสมาคมศัลยแพทย์ว่า ที่จริงแล้วเฉพาะเรื่องเสริมจมูกเรื่องเดียว ยอมรับว่า case ส่วนใหญ่กับหน้าแบบไทยๆ รวมตี๋หมวยแบบไทยๆ สิ่งที่ดีที่สุดคือการเสริมดั้ง+จัดกระดูกอ่อนใหม่นี่ สร้างความสมบูรณ์แบบได้ดีกว่าแบบไม่มีข้อสงสัย แต่เนื่องจากซับซ้อน ทำยาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือ เรื่องของข้อผิดพลาดที่จะเป็นปัญหาตามมาถึงหมอ เพราะความซับซ้อนนั่นเอง คิดไปคิดมา กรีดเลาะนิดหน่อยและใส่ silicone ยาวไปเลย รวดเร็ว ง่าย ปัญหาตามมาน้อยกว่า นี่ทั้งคนไข้และหมอเองนะครับ เกิดเอียงก็ค่อยมาว่ากันอีกที ฝ่ายคนไข้ก็แต่กรีดซ้ำ ถอดฟลุ๊บออกมาเหมือนออกลูก ส่วนหมอก็ต้องถือมีดออกแก้ ออกมารบกับพังผืดที่มากขึ้นเอาหน่อยนึง แต่ในทางกลับกัน เมื่อการทำจมูกแบบใส่ silicone ยาวทั้งจมูกยังคงเป็นความต้องการแบบ mainstream ในเมืองไทยอยู่ หมอเองก็คงยังใช้มาตรฐานนี้ และ prolong การใส่ silicone ร่วมกันการจัดกระดูกอ่อนออกไปจนกว่าจะมี technic ใหม่เกิดขึ้น แต่อีกแง่นึงก็คือ ทำให้ประสบการณ์ผ่าตัดแบบจัดกระดูกอ่อนจมูกไม่เพิ่มขึ้น ทั้ง case และจำนวนหมอที่ชำนาญในสมาคมศัลยฯเอง จะทำเรื่องยากและหาเหาความเสี่ยงให้มากขึ้นใส่หัวไปทำไม ผ่ายาก ค่าผ่าแพงกว่ามาก ไม่น่าใช่ target หลักในเมืองไทย ถ้ามีคนถามเหตุผล หมอยังคงยกเหตุผลหักล้างได้หลายเรื่องต่อไป
โดย:
mecorn
เวลา:
2013-7-11 10:44
ช่วยแนะนำชื่อคุณหมอท่านนี้ได้มั้ยคะ เรากำลังจะเดินทางไปเกาหลีเพื่อผ่าตัดเคสเราเป็นเคสที่ต้องreconstructive จมูกเราเรียกได้ว่าไปหาหมอหลายๆหมอที่ไทยไม่มีใครกล้าทำให้ ตอนนี้ยิ่งมีปัญหาคือซิลิโคนสไส้ด์ลงตรงปลายจมูกทนกับสภาพนี้มาเดือนกว่าๆแล้ว จนอาทิตย์ที่แล้วเราตัดสินใจปรึกษาหมอที่เกาหลีท่านนึงพอหมอเห็นจมูกเราหมอก็บอกว่ามีขั้นตอนไหนบ้างที่จะทำการผ่าตัดในเคสเรา. จมูกเราเข้าขั้นพิการเพราะหมอเก่าผ่าเปิดด้านหน้า4ครั้งในเวลา6สัปดาห์ เนื้อเยื่อถูกทำลายปลายบางมาก เคยไปคุยกะหมอที่บ้านเราเป็นระดับอาจารย์หมอเหมือนกันแต่ผลที่ได้คือหมอไม่กล้ารับทำ
แต่ก่อนที่เราจะไปเราก็อยากปรึกษาหมอที่สามารถให้ความรู้คำตอบเราได้จริงๆที่หมอเกาหลีคุยกะเรามันจะเป็นไปได้มั้ยอะคะเพราะค่าผ่าตัดแพงมากสามารถซื้อรถได้คันนึงเลยทีเดียว แต่เราไม่มีตัวเลือกต้องยอมเสี่ยงเพราะตอนนี้ถ้าทิ้งไว้นานกลัวซิลิโคนมันจะทะลุมากอะคะ
โดย:
aussa
เวลา:
2013-7-11 10:54
ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะคะ.. ข้อมูลที่แนะนำมาถูกต้องคะ..แต่คุณหมอท่านลืมไปนิดเดียว..
การเบี้ยวไม่ได้มาจากการเสริมใส่ซิลิโคนทั้งหมด ..แต่เริ่มต้นคือ พื้นฐานของจมูกเดิมด้วยคะ..
ถ้าพื้นฐานจมูกเดิมมีปัญหา เสริมแล้วยิ่งทำให้ดูเอียงเบี้ยวชัดเจน..
คุณหมอที่ทำหัตถการก็ต้องบอกข้อมูลนี้ให้กับคนไข้เพื่อตัดสินใจว่าจะทำ หรือ ไม่ทำ..
ถึงจะแก้ด้วยการทุบกระดูก หรือ จัดกระดูกอ่อนใหม่ ก็ไม่ได้หมายความว่ามันจะปลอดภัยและเป็นวิธีการเลือกที่ดีที่สุด
เพราะการทุบกระดูกเพื่อจัดกระดูกอ่อนใหม่..เราไม่มีทางแน่ใจเลยว่ากระดูกอ่อนที่จัดรูปใหม่ใต้ผิวหนังของเราจะจัดไปในทิศทางที่เราต้องการ..
ในกรณีที่มีกระดูกเกิน หรือ กระดูกจัดตัวช้า แต่ผังผืดมันมาก่อนแล้ว ก็ทำให้จมูกบิดเบี้ยว และร้ายแรงสุด คือ จมูกพิการ
จึงเป็นที่สังเกตว่าส่วนใหญ่ แพทย์จะทำการเสริมซิลิโคน โดยไม่จัดกระดูกใหม่ หรือ รบกวนกระดูกจมูกให้น้อยที่สุด
แต่การจัดกระดูกใหม่เป็นเรื่องที่ดี ในการอยากให้ได้ทรงจมูกที่เราต้องการ..แต่มันมาพร้อมกับความเสี่ยง..
เช่น เศษกระดูกจมูกที่ตกค้าง ถึงแม้จะเป็นแค่เศษเล็กน้อย ก็มีผลต่อเส้นประสาท,เส้นเลือดเล็ก และกลางบริเวณหน้า
กระดูกจมูกที่ปรับตัวไม่เท่ากับเนื้อเยื่อ ,การดูแลตนเองหลังผ่าตัดของคนไข้ ,การซ่อมแซมเนื้อเยื่อของคนไข้ที่ต่างกัน
เป็นต้น..
..
อีกนิด..เรื่องแพทย์จริง / ไม่จริง.. จะสถาบันไหนก็เป็นแพทย์ผู้ได้เรียนมาตามสาขานั้น ๆ มีคุณวุฒิ..ถ้าอย่างนั้นจบต่างประเทศมา แต่ไม่ทำใบประกอบวิชาชีพในไทยเพราะมันยุ่งยาก แถมเงินน้อย และไม่ได้เป็นอาจารย์สอน ก็เป็นแพทย์ที่ไม่มีความรู้หรือคะ?
การที่แพทย์ไม่ได้เป็นผู้สอนแพทย์อีกทีนึง ..ก็ไมได้หมายความว่าจะไม่มีความรู้ เพราะการตัดสินใจเลือกของแต่ละคนไม่เหมือนกัน..
ในรายการต่างๆ เขาคงให้เกียรติกับท่านนั้น ๆ เราก็อย่าไปใส่ใจคะ..
โดย:
sutabordee
เวลา:
2013-7-11 11:10
เรียนคุณมีคอนครับ นี่เป็นเรื่องเดียวกันและสิ่งที่ผมเอามาถ่ายทอดให้ฟังตามวัตถุประสงค์เลย
คุณหมอที่เล่าให้ฟังท่านก็ไม่รับครับ เล่าต่อเล่นๆที่ข้ามไปหน่อยก็แล้วกัน บอกว่าเคยเห็นพังผืดเนื้อที่ตลาดไหม ของคนก็คล้ายกัน เพียงแค่บางกว่า ถ้าถือมีดเลาะในที่โล่งๆหลังจากแล่หนังออกแล้วยังยาก แต่ถ้าห้ามเปิดหนังออก แล้วเอาเนื้อพังผืดใส่ลงไปในกระป๋องนม แล้วค่อยเอามีด เอากรรไกรล้วงเข้าไป คิดดูว่าจะยากแค่ไหน
กรณีแก้ ทั้งในบ้านเราและเกาหลี ก็คงต่างวิธีตามความถนัด+ประสบการณ์ของแต่ละท่าน แต่ถ้าเนื้อเยื่อบางแล้ว ทั้งเกาหลี ไทย และทั่วโลก คงใช้วิธีเดียวกันคือถอด silicone ออกแล้วพักซักหลายเดือน ส่วนปลายจมูกที่เกือบทะลุ คงต้องรักษาตามอาการก่อน
หมอไทยมีมาตรฐานการกลัวการติดเชื่อที่สุด (ไม่ทราบว่าที่สุดในโลกหรือปล่าว) เพราะเท่าที่ฟังคือ สมัยก่อน ยาฆ่าเชื่อ antibiotic หลายๆตัวมีการพัฒนาขึ้นเรื่อยๆ แรงๆขึ้น จนมาถึงตอนนี้ แทบจะหยุดพัฒนาแล้ว ยาในส่วนนี้ ออกมาใหม่น้อยจนเกือบไม่มีออกมา ส่วนสาเหตุนี่ไม่ทราบเหมือนกัน แต่มีบางท่านบอกว่าเชื่อพัฒนาสู้กับยาจนไม่สมควรพัฒนาต่อ บางท่านก็ว่าบริษัทใหญ่ทั้งใน us+eu ไม่ได้รับทุนพัฒนาจากสาเหตุทางการแพทย์บางอย่าง ผลก็คือ ทุกโรงพยาบาลในเมืองไทยทุกที่ รณรงค์การล้างมือ แบบที่ไม่เคยมีมาก่อน สาเหตุนึงมาจากเรื่องนี้ด้วย
โดย:
sutabordee
เวลา:
2013-7-11 11:23
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 11:46
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 11:45
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 11:43
การเปิดใหญ่จัดกระดูกอ่อนนั้น ยิ่งเปิดมาก ก็ยิ่งเปิดโอกาสการติดเชื่อมากตามไปด้วย คุณหมอบ้านเราก็เลย operate ตาม mainstream ไป ข้ออ้างที่ฟังขึ้นเรื่องการติดเชื่อเมืองร้อนนับว่าฟังขึ้น
ส่วนเรื่องคำเรียกอาจารย์หมอที่คุณ aussa บอกนั้น ผมเห็นด้วยมาก ยิ่งเรื่องการผ่าตัด ไม่ว่าเล็กใหญ่ ประสบการณ์ผ่านงานมาก case เป็นตัววัดที่สำคัญทีเดียวครับ เรื่องที่คุณ aussa ช่วยมา share ผมอ่านแล้วก็ได้ความรู้เพิ่มตามไปด้วย เพราะที่จริงไปนั่งคุยกับคุณหมอเพราะเพื่อนไปประสบอุบัติเหตุที่ใบหน้ามา ผมเลยฉวยโอกาสคุยเรื่องศัลยกรรมความงามและเรื่องอื่นๆไปด้วยเพราะถูกคอและคุณหมอมีเวลาให้ สาเหตุที่ถามท่านมากหน่อยเรื่องจมูกเอียง เพราะเคยได้ยินภรรยาของเพื่อนหลายๆคนเป็นทุกข์เป็นร้อนเรื่องนี้กันมาก ไม่ได้เจาะลึกระดับที่เป็นคนที่ทำศัลกรรมเองตรงๆ แต่ก็สนใจอยู่เหมือนกัน
สิ่งที่ผมติดใจคำว่าอาจารย์หมอแบบที่คุณ aussa ติงมานั้น มาจากกรณีนี้ครับ คือผมเคยดูเทปๆนึง มีคุณหมอท่านนึงบอกว่า การฉีด filler แก้จมูกเอียงนั้นทำได้ พูดติดตลกว่าบางคนแก้มากี่หน ก็เบี้ยวเหมือนเดิมซึ่งไม่ทราบว่าเกิดจากสาเหตุใด หรือทำบุญ มีกรรมมาอย่างไร ถึงแก้อย่างไรก็ไม่ตรง นี่เป็นตัวอย่างของความน่ากลัวของคนไข้ และเป็นตลกร้ายของวงการหมอ ไม่ทราบว่าท่านมีชื่ออยู่ในสมาคมศัลยแพทย์ฯ หรือปล่าว แต่เห็นถือเข็มฉีดลงไปในตรงข้ามของข้างที่เบี้ยวสดๆ ผมนึกถึงเรื่องนี้แล้วก็อึ้งเหมือนกัน ได้แต่ดูเฉยๆ พอมาได้ฟังข้อมูลส่วนนึงจากคุณหมอที่เล่าให้ฟัง จึงได้รู้ว่าไอ้ room ในพังผืดนี่เอง ที่ทำอย่างไร ใส่ไปเดี๋ยวก็เบี้ยวอีก ต้องเอาออกแล้วพักไว้ก่อนหลายเดือน แล้วจึงผ่าใส่ใหม่เปิดช่องใหม่ โอกาสเบี้ยวก็จะน้อยลงกว่าการเปลี่ยนทันที
โดย:
sutabordee
เวลา:
2013-7-11 11:36
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 12:01
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 11:58
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย sutabordee เมื่อ 2013-7-11 11:37
บางครั้งคิดไปเอง คือไม่ทราบว่าหมอศัลฯ และหมอผิวหนังเค้าคุยกันหรือปล่าว หมอผิวหนังถือเข็มจะฉีดสารเติมเต็ม แต่หมอศัลยฯ เห็นแล้วร้องจ๊าก ว่าเฮ้ย อย่า ตูขี้เกียจขูด ขี้เกียจแก้แล้วนะเฟ้ย มันเอาออกยาก กว่าจะแถลงกันออกมาว่าได้ว่า filler ไม่ใช่ใช้ในวัตถุประสงค์ให้เป็นสันจมูกนูนออกมาเชิงโครงสร้าง นั่นก็ช้าไปมาก เพราะมีคนไปฉีดกันเพียบเป็นล่ำเป็นสันเต็มบ้านเต็มเมืองแล้ว
เรื่องพวกนี้ มันเป็นเรื่องตามยุค ตามสมัย เหมือนหมอฟันสมัยหลายสิบปีก่อน เวลาถอนฟัน ก็สอนในคณะฑันตแพทย์เลยว่าให้บ้วนเลือดทิ้ง เวลาผ่านไป ก็เปลี่ยนใหม่ตามองค์ความรู้ว่าให้กลืนเข้าไปให้หมด หรือแม้แต่ศัลยกรรมเอง เทคนิค + วัสดุก็เปลี่ยนไปตามองค์ความรู้ใหม่ๆเช่นเดียวกัน
ซึ่งทั้งหมด ผมแค่หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับท่านอื่นๆอยู่บ้างไม่มากก็น้อยในแง่มุมที่ผมได้รู้มาจากการเสวนากับคุณหมอสายตรงเรื่องศัลยกรรมน่ะครับ
โดย:
Ningiizz
เวลา:
2013-7-12 03:40
ขอบคุณสำหรับความรู้ดีๆค่ะ
โดย:
zazie
เวลา:
2013-8-23 15:48
ขอบคุณสำหรับความรู้คะ ทำจมูกมา 2รอบแร้ว ก้อยังเอียงอยู่ เพราะโครงสร้างกระดูกคดเป็นตัว C ตอนนี้ยังอยากแก้ แต่ไม่รู้จะแก้กับคุณหมอท่านไหนดี และคงต้องเก็บเงินอีกซักพัก เฮ้อออ ชาติที่แร้วไม่รู้ทำกรรมอะไร จมูกถึงไม่สวยเหมือนคนอื่นเค้า ต่อให้เสริม ปรับ แต่ง ก้อยังไม่สวยซักที TT
โดย:
SPRITee
เวลา:
2014-11-8 21:42
ขอบคุณสำหรับความรู้ค่ะ
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/)
Powered by Discuz! X3.2