ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: ปัญหาผิวแตกลายนี่ แก้ยังไงค่ะ เรเซอร์หรือทำไรถึงจะหายค่ะ [สั่งพิมพ์]

โดย: nusom    เวลา: 2010-3-10 04:39
ชื่อกระทู้: ปัญหาผิวแตกลายนี่ แก้ยังไงค่ะ เรเซอร์หรือทำไรถึงจะหายค่ะ
พอดี พอดีพี่สาวพึ่งคลอดลูก แล้วมันมีรอยแตกลายที่นมนิดหน่อยอ่าค่ะ


อยากรู้อ่าอ่าค่ะ ว่าจะหายได้ไง   หรือว่าเรเซอร์


หรือมียาอะไรดีๆ ที่ทาแล้วจางลงได้ผลดีมั่งค่ะ ช่วยบอกกันทีนะค่ะ
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-10 04:40
เรเซอร์กี่ครั้งจาหายเนอะ คงเจ็บอ่านะ ขนาดหน้ายังเจ็บเลย
โดย: anotai    เวลา: 2010-3-10 07:52
Carboxyคะ ผลดีมาก
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-10 09:45
Carboxy ทำที่นมไม่ได้คับเดียวนมเล็กนะครับ

อย่าดีเรเซอร์คับ 5-6 ครั่งก็เห็นผมแล้วแต่ไม่ 100%
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-11 03:12
ราคาครั้งละเท่าไหร่คร่า  แพงป่ะ
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-11 03:20
คือรายหรอค่ะ Carboxy
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-11 15:50
Carboxytherapy เป็นเครื่องมือที่นำมาทำการรักษาและขจัดไขมันส่วนเกิน หรือเซลลูไลท์แบบใหม่ โดยการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ เข้าไปที่ชั้นไขมัน ซึ่งพิสูจน์แล้วว่าเป็นเทคนิคที่ง่าย สะดวกสบายและมีประสิทธิภาพสูงในการลดไขมันเฉพาะที่ ขจัดเซลลูไลท์ รอยแตกลาย และความหย่อนคล้อยของผิวหนังได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้ ยังพบว่า การทำ Carcoxy therapy โดยการฉีดกาซ CO2 ปริมาณไม่มาก ประมาณ 2-4 ซีซีที่ขอบตาล่าง จะลดรอยคล้ำรอบดวงตา จากปัญหาขาดออกซิเจน และเพิ่มการไหลเวียนโลหิตรอบดวงตาให้เพิ่มขึ้น จึงลดรอยดำคล้ำได้เช่นกัน เทคโนโลยีนี้ แพทย์จากประเทศฝรั่งเศส คือกลุ่มแรกที่มีการนำมาใช้เมื่อประมาณปี ค.ศ. 1932 และขยายความนิยมสู่อิตาลี ในปี ค.ศ.1990 จากนั้น ก็ได้รับการยอมรับและนิยมใช้อย่างแพร่หลายทั้ง ในเอเชียและยุโรป
หลักการทำงานของ Carboxytherapy
- ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ที่ฉีดเข้าไป ( โดยก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ ที่ใช้เป็นก๊าซบริสุทธิ์ ในวงการแพทย์ใช้อยู่แล้วในการฉีดเข้าช่องท้อง ในขณะส่องกล้องตรวจอวัยวะภายใน จึงไม่มีอันตรายแต่อย่างใด เพราะละลายน้ำได้ดีและสลายตัวอย่างรวดเร็ว) ก๊าซจะละลายกับน้ำอย่างรวดเร็ว ทำให้เกิดเป็นกรดคาร์บอนิค แล้วมีการปล่อยออกซิเจนจาก Hemoglomin mark ทำให้แคลเซียมไปจับกับกรดคาร์บอนิค ทำให้เกิดการขยายตัวของหลอดเลือด แล้วเข้าไปทำลายเซลล์ไขมันให้แตกออก จึงกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน และเกิดเส้นเลือดใหม่ขึ้นมา ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ จะทำงานแบ่งเป็น 2 ส่วน ดังนี้
1. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ จะทำหน้าที่กำจัดและทำลายเซลล์ไขมันได้เป็นอย่างดี
2. ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ จะทำหน้าที่เพิ่มการไหลเวียนของเลือดได้ดียิ่งขึ้น จึงทำให้เกิดการเผาผลาญของเสียออกจากร่างกายอย่างมีประสิทธิภาพ มากขึ้น พร้อม ๆ กัน และ การเกิดขบวนการ LYPOLYSIS หรือการกระตุ้นการนำพาไขมันส่วนเกินออกไป ก็จะเพิ่มขึ้น สอดคล้องกัน
ประโยชน์ของการรักษาด้วยเทคนิค Carboxytherapy
ลดปัญหาเซลลูไลท์ สลายไขมันเฉพาะจุด ขจัดผิวส้ม ไม่ว่าจะเป็น น่อง ท้องแขน ต้นขา สะโพก หรือหน้าท้อง รอยแตกลายและ ความหย่อนคล้อยที่ไม่พึงปรารถนา อย่างง่ายดาย
การเตรียมตัวในการทำ Carboxytherapy
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-11 15:51
1. ควรสำรวจตัวเองว่ามีโรคประจำตัวหรือไม่ เพราะในผู้ป่วยปัญหาทางจิตเวช ผู้เป็นโรคความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ โรคเลือด หรือคนที่รับประทานยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น Coumadin อาการแพ้ถุงมือ หรือผู้ที่มีปัญหาระบบทางเดินหายใจ เพราะอาจทำให้อาการดังกล่าวแย่ลงได้
2. ควรพักผ่อนให้เพียงพอ เพราะหลังทำอาจจะทำให้รู้สึกง่วงนอน หรือหายใจลึกขึ้น
3. ดื่มน้ำให้เพียงพอ งดทานยาแก้หวัดหรือยาลดน้ำมูก เพราะทำให้ปริมาณน้ำในร่างกายลดลง อาจจะทำให้รู้สึกเพลียได้
ขั้นตอนและวิธีการในการทำ Carboxytherapy
- เมื่อทำความสะอาดผิวแล้ว ก็จะใช้เข้มขนาดเล็กมากเพียง 0.3 มิลลิเมตร ผ่านเข้าไปในชั้นไขมัน โดยไม่ต้องทายาชา เพราะไม่เจ็บมาก จากนั้นจะค่อยๆ ปล่อยก๊าซเข้าไปในบริเวณที่ต้องการ ด้วยปริมาณที่เหมาะสมต่อบริเวณนั้นๆ เช่น ใต้คาง 50 ซีซี หน้าท้อง 100-500ซีซี เป็นต้น ขณะที่เครื่องมือค่อยๆ ปล่อยก๊าซเข้าไปเรื่อยๆ ผู้รับบริการจะรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด บริเวณที่ฉีดอาจรู้สึกอุ่นเล็กน้อยประมาณ 10-20 นาที เนื่องจากมีการเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ซึ่งในบางคนก็อาจจะรู้สึกเจ็บ ควรจะแจ้งกับแพทย์หรือพนักงานที่ทำให้ปรับระดับความเจ็บให้ลดลงได้ (ในเครื่องรุ่นใหม่จะมีปุ่มปรับดังกล่าว ที่เรียกว่า RPR = Ramp Pain Reduction เช่น ยี่ห้อ Carbonnique ) ซึ่งอาการดังกล่าวจะหายไปในไม่กี่นาที ในบางคนอาจจะสามารถคลำได้เสียงเหมือนมีก๊าซอยู่ใต้ผิว (cracking) แต่จะหายไปในเวลา 1ชั่วโมง และควรนวดเบาๆ หลังฉีดร่วมด้วย เพื่อให้ก๊าซกระจายอย่างสม่ำเสมอ หลังทำไม่จำเป็นต้องพักฟื้น สามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ตามปกติ การทำต่อครั้งใช้เวลาประมาณ 5-30 นาที แล้วแต่บริเวณที่ทำ ควรทำสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ประมาณ 5-10 ครั้ง และเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลงเมื่อทำติดต่อกัน 5 ครั้งขึ้นไป โดยส่วนใหญ่จะพบว่าไขมันลดลงได้ประมาณ 30% แต่ส่วนใหญ่หลังทำประมาณ 10-15 ครั้งจึงจะสังเกตเห็นความแตกต่างลดลงได้ชัดเจน
ผลข้างเคียงและข้อแนะนำหลังทำ Carboxytherapy
หลังฉีด อาจจะรู้สึกเมื่อยหรือรู้สึกตึงๆ บริเวณที่ฉีด ในบางคนอาจจะพบรอยช้ำจากเข็มที่ฉีดได้ อาจจะอ่อนเพลีย ง่วงนอน หรือหายใจลึกกว่าปกติ จึงไม่ควรขับยวดยนต์กลับทันที ควรพักให้ร่างกายรู้สึกดีขึ้นก่อน ในวันต่อมา ควรนวดด้วยครีมลดไขมันเฉพาะส่วนเป็นประจำ ควบคุมอาหาร และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อป้องกันมิให้เกิดจากสะสมของไขมันส่วนเกินขึ้นมาอีก
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-11 15:52
การศึกษาเรื่อง Carbon Dioxide Therapy in the Treatment of Localized Adiposities: Clinical Study and Histopathological Correlations(2) ในการศึกษานี้ใช้ carbon dioxide (CO2) therapy ในการรักษาผู้หญิง 48 คน ที่มีไขมันสะสมบริเวณต้นขา หัวเข่า และ/หรือหน้าท้อง โดยใช้ เครื่องมือ คือ Carbomed Programmable Automatic Carbon Dioxide Therapy ซึ่งคาดว่าการฉีดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สู่ชั้นใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดการสลายของไขมัน การศึกษานี้มุ่งหมายที่จะหาผลของการรักษาและผลข้างเคียงต่อการรักษาไขมันเฉพาะส่วน วัดผลการรักษาโดยดูการลดลงของเส้นรอบวงบริเวณดังกล่าว วัดผลของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีผลต่อการไหลเวียนของเลือดโดยดูการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณเลเซอร์และวัดความดันของก๊าซออกซิเจน นอกจากนี้ยังทำการตัดชิ้นเนื้อของผู้หญิงจำนวน 7 คน ก่อนและหลังการรักษาเพื่อดูการเปลี่ยนแปลงทั้งในเนื้อเยื่อไขมันและเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ผลการศึกษา พบผลข้างเคียงเพียงเล็กน้อย และทุกอาการสามารถหายไปในเวลาอันรวดเร็ว ซึ่งมีรายงาน ดังนี้
- พบว่ามีรอยแตกใต้ผิวหนังในผู้ป่วยทุกคน ซึ่งจะพบในชั่วโมงแรกของการรักษาเท่านั้น
- 30% ของผู้ป่วยพบก้อนเลือดขังเล็กน้อย จากการฉีดยาและจะค่อยๆหายไปเองโดยไม่ทำให้เกิดแผลเป็น
- 70% ของผู้ป่วยรู้สึกปวดบริเวณที่ฉีด ซึ่งจะเกิดในระยะเวลาสั้นๆและไม่รุนแรง ผลการรักษา
- พบว่ามีการเปลี่ยนแปลงของสัญญาณเลเซอร์ ซึ่งเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญหลังการรักษา (บ่งชี้ว่าการรักษาช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณเส้นเลือดเส้นเล็ก ๆ)
- พบว่าความดันของก๊าซออกซิเจนเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ หลังการรักษา
- จากการวัดเส้นรอบวงของต้นขา หัวเข่า และหน้าท้อง ก่อนและหลังการรักษา พบว่าลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
- จากการดูชิ้นเนื้อที่ตัดออกมาด้วยกล้องจุลทรรศน์ พบว่าเนื้อเยื่อไขมันแตกออกและปลดปล่อย triglyceride ออกมา
- พบว่าผิวหนังชั้น dermis(ชั้นหนังแท้) หนาขึ้น เมื่อได้รับการรักษา และพบว่า collagen มีการกระจายตัวมากขึ้น
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-11 15:53
ผมแนะนำพวก IPL จะดีกว่าครับเพราะมีผลข้างเคียงน้อย
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-12 01:46
IPL คือไรค่ะ
วันนี้พาพี่ไป รพ ยันฮีมาพยาบาลเขาบอกว่าทำ CARBOXY ก็เจ็บพอสมควรอ่ะ (((เรากลัวแทน)))
โดย: aocaoc    เวลา: 2010-3-13 17:18
IPL ดีกว่าไม่เจ็บ เหมือน  CARBOXY คับ
โดย: AurA' Ar!eS~o    เวลา: 2010-3-14 06:53
เคยอ่านรีวิวมา และก็กระทู้ที่คนไปตั้งถามคุณหมอผิวหนัง บอกว่า เลเซอร์ แฟคเซล จะได้ผล 50-90 % เลยอะครับ แต่ต้องทำหลายครั้งนะครับ เจ็บมากๆ ด้วยงะ ผมมีรอยแตกนิดหน่อยอยากลองทำดูแต่ ลองกับหน้าดูก่อน เจ็บอะ ทายาชายังเจ็บเลย ทำที่หน้ามาแล้วสองครั้ง ครั้งที่สองเจ็บกว่าครั้งแรก เดวอีกสองอาทิตจะไปทำครั้งที่ 3 แต่ว่าคงไม่ทำตรงลอยแตกแล้วหละครับ กลัว - - ตรงที่แตกอยู่แถวๆ ลักแล้ด้วยงะ เนื้ออ่อนๆ คิดแล้วเสียว อิอิ
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-16 04:11
อ่าค่ะ  ต้องรองไปถามดูก่อนนะค่ะ แต่ว่าส้มก็เคยนะค่ะ เลเซอร์แผลรอยสิวอ่าค่ะที่น่า ทำมา เกือบ 10 ครั้งและอ่าค่ะ ก็เจ็บนะค่ะ
แต่ก็ทนได้อ่าค่ะ
โดย: spclinic    เวลา: 2010-3-16 12:07
ผิวแตกลาย เกิดจากการยืดขยายต่อเนื่องของ ผิวหนัง และเนื้อเยื่อในเวลาอันรวดเร็วไม่กี่เดือน ทำให้เกิดการทำลายโครงสร้าง คอลลาเจน พบได้บ่อยที่สุดในคนตั้งครรภ์ มักเป็นบริเวณท้อง หรือหน้าอก ยังพบได้ในคนที่อ้วนอย่างรวดเร็ว หรือในวัยรุ่นที่กำลังสูงอย่างรวดเร็ว โดยพบผิวแตกลายได้ที่ ต้นขาด้านนอก หลังด้านล่าง หรือสะโพก ก็ไม่ใช่เรื่องผิดปกติอะไร คนที่กินยาสเตียรอยด์นาน ๆ มักมีรอยแตกลายใหญ่และเป็นหลายที่รวมถึงบนใบหน้าหรือการทาครีมที่มี สเตียรอยด์ ความเข้มข้นสูง นานเกินไปก็ทำให้เกิดรอยแตกลายได้ ถ้าสาเหตุดังกล่าวหายไป เช่น หลังคลอด, ลดน้ำหนักลงจากที่เคยอ้วนมาก่อน หรือ เมื่อพ้นช่วงวัยรุ่นแล้ว รอยแตกลายที่เป็นน้อย ๆ อาจค่อย ๆ จางลงได้สามารถป้องกันได้โดยการระมัดระวังสาเหตุต่างๆ ที่ทำให้ผิวหนังมีการขยายตัวอย่างรวดเร็ว เช่น การเพิ่มน้ำหนักอย่างรวดเร็ว สำหรับกรณีที่ไม่สามารถควบคุมการขยายตัวของผิวหนังได้ อย่างการเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาของวัยรุ่น หรือขณะตั้งครรภ์ ควรบำรุงผิวหนังบริเวณที่มีอัตราเสี่ยงต่อการเกิดรอยแตกสูงให้ชุ่มชื้นอยู่เสมอ หากปล่อยให้ผิวแห้งก็จะยิ่งทำให้เกิดรอยแตกได้ง่ายขึ้นการรักษารอยแตกลายการ กรอผิว (Skin Peeling) เป็นวิธีหนึ่งในปัจจุบันที่ แพทย์ ผิวหนัง หลาย ๆ แห่งใช้ในการแก้ ปัญหา และ ฟื้นฟู สภาพผิว ที่เรียกว่า “ Microdermabrasion” ซึ่ง ไม่มีผลข้างเคียงและให้ประสิทธิภาพสูง เป็นที่นิยมแพร่หลายทั้งในยุโรปและอเมริกา ซึ่งเครื่องมือนี้ที่ใช้หลักการ Microdermabrasion โดยอาศัย คริสตัล บริสุทธิ์ ขนาดเล็ก (Pure Microcrystal) ขจัดเซลล์ผิวหนัง ชั้นบนที่ตายแล้วอย่างนุ่มนวล สามารถควบคุมระดับความลึกได้ 100% ผลที่ได้ก็คือมีการกระตุ้นให้ สร้างเซลล์ ผิวหนัง ใหม่มาทดแทนจำนวนมาก และจะเห็นผลได้อย่างชัดเจนหลังจากการรักษาโดยเฉลี่ย 6 – 10 ครั้ง การรักษาด้วยคาร์บ็อกซี่ (Carboxy) การทำคาร์บ็อกซี่คือการอัดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เข้าไปบริเวณเส้นผิวหนังที่แตกลาย จะทำให้จางลงอย่างเห็นได้ชัด ควรทำทุก 1 -2 ครั้ง / สัปดาห์ จนรอยแตกดีขึ้น วิธีนี้ได้ผล 60-70 เปอร์เซ็นต์สนใจสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เอส.พี. คลินิก สาขา อเวนิวเมเจอร์รัชโยธิน 02-9394851-2 เปิดบริการทุกวัน 10.00-20.00 น.
โดย: Vistra    เวลา: 2010-3-20 08:37
Carboxy เจ็บมาก ๆ อ่าค่ะ
โดย: nusom    เวลา: 2010-3-21 02:47
เคยไปทำมาหรอค่ะ
โดย: ohmyoop    เวลา: 2010-3-22 00:22

Bust Boost

เจลบำรุงทรวงอก ช่วยยกกระชับ ลดเลือนรอยแตกลายให้ทรวงอกเต่งตึง ด้วยสูตรทรี-ดี ลิฟติ้ง คอมเพล็กซ์ที่จะช่วยให้ทรวงอกมีทรงสวยขึ้น (บริเวณสามเหลี่ยมตั้งแต่บริเวณฐานหน้าอกไปจนถึงคาง) และช่วยให้ทรวงอกกระชับเต่งตึงยิ่งขึ้น ช่วยต่อต้านสัญญาณแห่งริ้วรอยอย่างได้ผล และยังช่วยผลัดเซลล์ผิวให้บริเวณเนินอกขาวเนียนใส

ลองเข้าไปดูได้ที่ www.dcare.co.cc




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) Powered by Discuz! X3.2