ดั้งโด่งดอทคอม

ชื่อกระทู้: ร้อยไหม--สวยระยะสั้น อันตรายระยะยาว [สั่งพิมพ์]

โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 08:08
ชื่อกระทู้: ร้อยไหม--สวยระยะสั้น อันตรายระยะยาว
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kamolnat5577 เมื่อ 2013-3-18 08:10

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kamolnat5577 เมื่อ 2013-3-18 08:09

มีข้อมูลมาแบ่งปันเพื่อนๆ ที่อยากสวยกันทุกคน รวมถึงตัวเราด้วย ไว้ประกอบการตัดสินใจที่จะทำเสริมเพิ่มความสวย
ใครๆก็อยากจะเห็นตัวเองดูดีทั้งนั้น แต่ควรคำนึงถึงความปลอดภัยและพิจารณาข้อมูลประกอบการตัดสินใจด้วยนะจ๊ะ ไม่ได้มาดิสเครดิตอะไรเพราะเราก็สนใจทำเหมือนกัน แต่ทั้งนี้ก็ต้องชั่งใจเพราะหน้าอยู่กับเราตลอดไปจะทำอะไรก็ต้องเลือกให้ดี ไม่ใช่มองแต่รีวิวด้านสวยงามอย่างเดียว ควรจะมองผลเสียที่จะตามมาด้วยเน้อ

..อันตราย! ผู้ที่ร้อยไหมทองไม่สามารถเข้าเครื่อง MRI ได้...

พญ.วิไล ธนสารอักษร อาจารย์พิเศษหน่วยโรคผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลรามาธิบดี เปิดเผยว่า ขณะนี้มีกลุ่มที่รักสวยรักงามหันมานิยมใช้วิธีร้อยไหมบนใบหน้า เพื่อลดความหย่อนคล้อย และกระชับใบหน้าให้เต่งตึง โดยเฉพาะการร้อยไหมทอง

ซึ่งผู้ที่ร้อยไหมทองไม่สามารถเข้าเครื่อง MRI (Magnetic Resonance Imaging) ซึ่งเป็นเครื่องสร้างภาพด้วยสนามแม่เหล็กไฟฟ้าที่ใช้ในการตรวจวินิจฉัยรอยโรคได้ เนื่องจากทองถือเป็นโลหะ และโดยปกติการเข้าตรวจด้วยเครื่อง MRI ต้องถอดโลหะออกจากตัวทั้งหมด โดยกรณีผู้ที่ร้อยไหมทองหากผู้ป่วยไม่บอกแพทย์ว่าเคยร้อยไหมทองมาก่อน เมื่อเข้าเครื่อง MRI แล้ว อาจเกิดกรณีรังสีแม่เหล็กวิ่งเข้าสู่ทองซึ่งเป็นโลหะ ทำให้เกิดความร้อนจนไหม้ผิวที่อยู่ข้างในจนเกิดเป็นแผลเป็นและพังผืด หน้าก็จะหดรั้งลงมา รูปหน้าเปลี่ยน ตก หรือบุบลงไป ซึ่งเป็นอันตราย

"ขณะนี้ได้มีการพูดคุยกับหมอเอกซเรย์ในกลุ่มโรงเรียนแพทย์แล้วว่าควรเพิ่ม เช็กลิสต์โลหะก่อนเข้าเครื่อง MRI ด้วยการระบุเฉพาะเจาะจงเลยว่า เคยผ่านการทำร้อยไหมทองมาหรือไม่ เพื่อช่วยกระตุ้นความจำของผู้ป่วยบางรายที่เคยทำมาแต่อาจลืมไป หรือคิดไม่ถึงว่าทองถือเป็นโลหะอย่างหนึ่ง ซึ่งอนาคตการเพิ่มเช็กลิสต์นี้จะให้ใช้เป็นมาตรฐานทุกแห่ง ทั้งศูนย์เอกซเรย์ และโรงพยาบาลเอกชน"

พญ.วิไล กล่าวด้วยว่า การร้อยไหมทองไม่สามารถแก้ไขหรือเอาออกได้ เนื่องจากทองถูกพังผืดยึดเอาไว้ ถือว่าอันตราย เพราะจะก่อให้เกิดเนื้องอกของสิ่งแปลกปลอม เพราะรูปหน้าคนมีการเปลี่ยนแปลงทุกวินาที การร้อยไหมถาวร หากวันหน้ามีการหย่อนคล้อยก็ต้องแก้ไปเรื่อยๆ สิ่งแปลกปลอมจะสะสมมากขึ้นจนกลายเป็นเนื้องอก

ที่มา : thanonline.com/by สาระแห่งสุขภาพ

โดย: akira904    เวลา: 2013-3-18 09:14
น่ากัวมากเลยค่ะ
โดย: Bee2530    เวลา: 2013-3-18 09:44
ขอบคุณสาระดีๆจร่า เราก็เห็นข่าวช่อง3ของสรยุทธออกมาเตือนเหมือนกัน น่ากลัวโน๊ะ >.<
โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 10:34
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kamolnat5577 เมื่อ 2013-3-18 11:05

แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย kamolnat5577 เมื่อ 2013-3-18 10:34

ต้นฉบับโพสต์โดย Bee2530 เมื่อ 2013-3-18 09:44
ขอบคุณสาระดีๆจร่า เราก็เห็นข่าวช่อง3ของสรยุทธออกมาเ ...


ช่ายจ้ะ ตอนแรกก็สนใจมากเหมือนกัน ใครล่ะจะไม่ชอบที่เห็นตัวเองดูดีหรือสวยขึ้น เคยไปปรึกษากับสถาบันความงาม เราถามว่าระยะยาวมีผลอย่างไรอันตรายไหม ผู้ให้การปรึกษาก็บอกว่า เขาก็ทำ ทำทั้งหน้าเลย การร้อยไหมจะมีการสร้างคอลลาเจนขึ้นบนใบหน้า แต่พอดีเราศึกษาบทความทางการแพทย์มาบ้าง บางบทความเขาบอกว่า ไม่ได้มีการยืนยันว่าสร้างคอลลาเจนเลย เรารู้สึกว่าการให้ข้อมูลด้านเดียวแต่ในทางที่ดีของการศัลยกรรมนั้น สำหรับเราเป็นเรื่องที่น่า่กลัวและไม่จริงใจต่อลูกค้าเลย
โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 10:36
ต้นฉบับโพสต์โดย akira904 เมื่อ 2013-3-18 09:14
น่ากัวมากเลยค่ะ

จ้ะ เป็นข้อมูลอีกด้านนะจ๊ะ
โดย: jibdegdeenaruk    เวลา: 2013-3-18 10:48
ก็ทำแบบร้อยไหมละลายสิจ๊ะน่าจะไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่โลหะ

โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 11:02
ต้นฉบับโพสต์โดย jibdegdeenaruk เมื่อ 2013-3-18 10:48
ก็ทำแบบร้อยไหมละลายสิจ๊ะน่าจะไม่เป็นไรเพราะไม่ใช่โ ...

มารู้จักข้อดีข้อเสียการร้อยไหมละลายยกกระชับใบหน้ากันดีกว่า

1) เทคโนโลยีการร้อยไหมเกิดขึ้นจากการที่คนอยากยกกระชับหน้าโดยไม่อยากผ่า ตัดซึ่งยุ่งยากต้องพักฟื้นนาน จึงมีแพทย์ชาวฝรั่งเศสเอาไหมมาดึงผิวขึ้น

2) การร้อยไหมเหมาะสำหรับการดึงหน้าเฉพาะส่วนเช่น หางคิ้วหรือร่องแก้ม ไหมชนิดแรกที่นำมาใช้ชื่อว่า Aptos มีลักษณะคล้ายฟันปลาซึ่งเอาไว้เกี่ยวผิว

3) เคยมีคนพยายามเอาทองคำมาใช้เป็นไหมยกกระชับหน้า เพราะทองเป็นสิ่งแปลกปลอม พอใส่เข้าไปในร่างกาย ร่างกายจะสร้างคอลลาเจนขึ้นในบริเวณนั้น

4) ข้อเสียของการร้อยไหมทองคือ ผู้ที่แพ้โลหะอาจเกิดการแพ้รุนแรง ทองจะไม่ ย่อยสลายและถือเป็นโลหะหนัก ในปัจจุบันไม่มีการศึกษาถึงผลกระทบระยะยาว

5) ผู้ที่ใช้ไหมทองร้อยบนใบหน้าห้ามทำการรักษาหรือ treatment ใดๆที่ใช้ความร้อนบนใบหน้าเด็ดขาด เพราะทองจะนำความร้อนได้ทำให้ผิวหนังโดยรอบไหม้ได้

6) การร้อยไหมละลายจะใช้ไหมที่สลายไปเองในเวลา 6 เดือน ไหมชนิดนี้ไม่สามารถยกกระชับหรือดึงผิวได้แต่จะไปกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ผิวหนัง

7) การร้อยไหมละลายมีข้อดีที่เห็นผลทันที แต่มีข้อเสียคือถ้าร่างกายแพ้ไหมที่ร้อยเข้าไป แต่ไหมใช้เวลา 6 เดือนกว่าจะละลายร่างกายจะพยายามกำจัดไหม

8) ถ้าคนไข้แพ้ไหมละลายจะมีอาการตุ่มแดงตุ่มหนองตามบริเวณที่ร้อยไหมเข้าไปซึ่งจะรักษาได้ยาก อีกทั้งการจิ้มไหมเป็นจำนวนมากจะเสี่ยงต่อการติดเชื้อ

9) การร้อยไหมบริเวณปลายจมูกไม่ควรทำเป็นอย่างยิ่ง เนื่องจากบริเวณนี้มีเลือดไปเลี้ยงน้อย เกิดการอักเสบติดเชื้อได้ง่าย เกิดแผลเป็นจมูกผิดรูปได้

10) คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นโดยไหมละลาย อาจเป็นคอลลาเจนชนิดเดียวกับที่พบในแผลเป็นคล้ายพังผืด ไม่ใช่คอลลาเจนตามธรรมชาติที่อยู่ที่ผิวหนังปกติ

11) ที่สำคัญคือยังไม่มีการศึกษาถึงผลระยะยาวของการใช้ไหมละลายบนใบหน้าเกี่ยวกับคอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นให้สร้างขึ้นว่าจะทำให้เกิดการหดรั้งหรือไม่

12) มีเทคโนโลยีอีกหลายอย่างที่ช่วยเรื่องการยกกระชับหน้า เช่น การใช้คลื่นความถี่วิทยุ และ focused ultrasound ซึ่งมีงานวิจัยว่าได้ผล

13) ควรศึกษาข้อมูลถึงผลดี ผลเสีย ของการร้อยไหมละลายก่อนการตัดสินใจทำ เพราะหลังจากทำไปแล้ว ถ้ามีผลข้างเคียงจากการเกิดพังผืด จะแก้ไขได้ยาก

ในงานประชุมหมอผิวหนังเมื่อ มีค. ก็มีการพูดถึงเรื่องการร้อยไหมละลายและสรุปว่า ยังไม่มีงานวิจัยศึกษาเรื่องผลข้างเคียงในระยะยาวจึงไม่แนะนำให้ทำ

จาก

http://healthdeedee4u.com/article/topic-19966.html
โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 11:03
สวัสดีครับทุกท่านวันนี้ขอทวิตเรื่องการร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิวเพราะกำลังเป็นเรื่องที่ฮิตและสมาคมแพทย์ผิวหนังจะแถลงข่าวเตือนประชาชนวันพรุ่งนี้

ในปัจจุบันมีกระแสโฆษณาในการร้อยไหมเพื่อยกกระชับผิว (thread lifting) ในสื่อต่าง ๆ อย่างแพร่หลายจนทำให้ผู้ป่วยเกิดความหลงเชื่อและเข้าใจผิด

1.การพิจารณาการรักษาทุกชนิดควรดูที่ผลของการรักษาที่ปลอดภัยและถูกต้องตามมาตรฐานสากล

2.ขอชี้แจงข้อเท็จจริงเรื่องการร้อยไหมเพื่อเป็นข้อมูลพื้นฐานสำหรับผู้ที่สนใจการยกกระชับผิวด้วยวิธีการดังกล่าว

3.การร้อยไหมเพื่อยกกระชับเริ่มมีการใช้มาประมาณสิบกว่าปีที่ผ่านมา ไหมที่ใช้ในระยะแรกเป็นไหมชนิดมีเงี่ยงซึ่งทำหน้าที่เสมือนหมุดยึดตรึงไหม

4.ส่วนไหมที่กำลังเป็นที่นิยมในปัจจุบันเป็นไหมชนิดไม่มีเงี่ยง ไหมชนิดนี้มักผลิตจากสารชื่อโพลีไดออกซาโนน(Polydioxanone; PDO)

5.ไหมโพลีไดออกซาโนน(Polydioxanone; PDO)เป็นสารที่สามารถละลายตัวได้เองภายใน 6-8 เดือน

6.การร้อยไหมโพลีไดออกซาโนนหรือPDOเพื่อยกกระชับผิวที่กำลังเป็นกระแสอยู่ในขณะนี้เป็นวิธีการยกกระชับผิวที่มีต้นกำเนิดมาจากประเทศเกาหลี

7.การร้อยไหมPDOยังไม่ได้รับรองเพื่อใช้สำหรับยกกระชับผิวในประเทศสหรัฐอเมริกาหรือประเทศในทวีปยุโรป

8.ไหมPDOได้รับการอนุญาตการสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาให้นำเข้ามาเพื่อใช้สำหรับเย็บแผลแต่ไม่ได้รับอนุญาตใช้เพื่อวัตถุประสงค์ในการยกกระชับผิว

9.การร้อยไหมPDOมักใช้เส้นไหมขนาดความยาวตั้งแต่ 2.5-6 เซ็นติเมตร จำนวนตั้งแต่ 20 ถึงกว่าร้อยเส้นสอดเข้าไปในผิวหนังผิวหนังหลังจากการทายาชา

10.หลังการร้อยไหมผิวจะมีอาการบวมแดงและมีรอยช้ำตามแนวการสอดไหมซึ่งรอยเหล่านี้มักหายใน 1-2 สัปดาห์

11.เชื่อว่าการสอดไหมเข้าผิวหนังจะกระตุ้นให้ผิวสร้างเส้นใยคอลลาเจนขึ้นใหม่ตามแนวการสอดเส้นใยคอลลาเจนใหม่นี้จะช่วยให้ผิวหนังมีความกระชับขึ้น

12.ในปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานเชิงประจักษ์(evidence-based)ทางการแพทย์ที่ยืนยันว่า การร้อยไหมสามารถทำให้ผิวหนังเกิดการยกกระชับได้จริง

13.และไม่มีหลักฐาน ทางการแพทย์ที่ยืนยันว่าผิวหนังจะสามารถคงสภาพการกระชับได้นานแค่ไหนหลังการร้อยไหม

14.การทบทวนข้อมูลทางการแพทย์พบรายงานผู้ป่วยเพียง2-3ฉบับที่พบว่าการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงสามารถทำให้ผิวดูกระชับขึ้นในช่วงเดือนแรกหลังการร้อยไหม

15.แต่ผิวจะหย่อนกลับสู่สภาพเดิมในระยะเวลาต่อมา การที่ผิวดูกระชับขึ้นในช่วงแรกเชื่อว่าเกิดจากการที่ผิวเกิดการบวมและอักเสบจากการสอดไหม

16.ผลข้างเคียงการร้อยไหมชนิดมีเงี่ยงที่เคยมีผู้รายงานไว้ได้แก่ การเกิดผิวหนังบวมแดงเนื่องจากการแพ้ไหม/การเห็น/คลำได้ปมไหม/ปลายไหมโผล่

17.หรือการเกิดรอยบุ๋มของผิวหนัง/ผิวหนังสองข้างกระชับไม่เท่ากัน

18.ยังไม่มีการรายงานผลข้างเคียงของการร้อยไหมPDOชนิดไม่มีเงี่ยงในวารสารทางการแพทย์

19.แต่จากการสอบถามข้อมูลจากแพทย์ผิวหนังพบมีผู้ป่วยที่มาด้วยอาการเป็นเส้นนูนแดงตามแนวเส้นไหมซึ่งเชื่อว่าเป็นอาการของการแพ้ไหม

20.นอกจากนี้ยังมีผู้ป่วยที่มาพบเพราะคลำหรือสัมผัสเส้นไหมบริเวณผิวได้ซึ่งเกิดจากการร้อยไหมในระดับตื้นเกินไป

21.ใน2เดือนที่ผ่านมาที่ศิริราชพบผู้ป่วยที่เกิดบวมตุ่มแดงไม่เจ็บไม่คันตามแนวไหม3รายยังไม่แน่ว่าเป็นอาการแพ้ไหมหรืออาการติดเชื้อ

22.จึงขอให้ผู้ที่สนใจการยกกระชับผิวด้วยวิธีการร้อยไหมดังกล่าวได้ศึกษาข้อดีข้อเสียของวิธีการนี้ให้ดีก่อนตัดสินใจเข้ารับการรักษา

จาก

http://healthdeedee4u.com/article/topic-19966.html

โดย: sommie    เวลา: 2013-3-18 13:23
ขอบคุณมากค่ะ ไม่เคยคิดจะทำเลย
โดย: ploycheez    เวลา: 2013-3-18 14:48
ขอบคุณคร้าแม่เคยคิดไปร้อยแต่แบบละลายนะ
โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 15:42
ต้นฉบับโพสต์โดย sommie เมื่อ 2013-3-18 13:23
ขอบคุณมากค่ะ ไม่เคยคิดจะทำเลย

ค่า
โดย: kamolnat5577    เวลา: 2013-3-18 15:43
ต้นฉบับโพสต์โดย ploycheez เมื่อ 2013-3-18 14:48
ขอบคุณคร้าแม่เคยคิดไปร้อยแต่แบบละลายนะ ...

จ้า แบบละลายเราก็ต้องหาข้อมูลเหมือนกันเนอะ




ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) Powered by Discuz! X3.2