ดี? ไม่ดี? เทรนด์สุขภาพใหม่ “น้ำมันมะพร้าว” |
ย้อนหลังไปราวสิบปีมานี้ คนไทยที่ให้ความสนใจในข่าวสาร จะต้องเคยได้ยินและรับทราบถึงกระแสการแห่ไปรับประทานน้ำลูกยอ ที่ฮือโหมกระแทกแสกหน้าสังคมสุขภาพกราวใหญ่ ก่อนจะค่อยๆ ซาไป เพื่อเปิดทางให้พายุลูกใหม่อย่าง “กระชายดำ” เข้ามาแทนที่...กระแสกระชายดำเกี่ยวกระหวัดรัดรึงสังคมไทยได้สักพักก็ค่อยๆ คลายตัวแทบจะในจังหวะเดียวกับที่ “แคปซูลมะรุมและแคปซูลขี้เหล็ก” จะเข้ามาเป็นที่ฮือฮาให้ผู้ที่รักสุขภาพแบบ “ฮิตกินตามเทรนด์” ควักกระเป๋าหาซื้อมาทดลองบำรุงกันทั่วบ้านทั่วเมือง ![]() ขณะนี้ล่วงเข้าไตรมาสสุดท้ายของปี พ.ศ.2552 เทรนด์สุขภาพได้ย้ายมาหยุดอยู่ที่น้ำมันมะพร้าวแบบหีบเย็น หรือที่รู้จักในนามเวอร์จิ้นโคโค่นัทออยล์ ที่หันไปทางไหนก็มีแต่เสียงที่ชักชวนให้ลอง บางคนลองแล้วได้ผลก็มาบอกต่อผ่านสื่อต่างๆ เริ่มจากวงแคบๆ แบบปากต่อปาก ไปจนถึงการโพสต์ลงอินเทอร์เน็ต ทำให้กระแสฮิตกินน้ำมันมะพร้าวไปเร็วและขยายไกลเหมือนไฟลามทุ่ง และในขณะที่มีผู้นิยมเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในทางตรงกันข้าม ก็มีผู้รักสุขภาพบางรายยังสงสัยและไม่แน่ใจถึงสรรพคุณที่แท้จริงของน้ำมันมะพร้าวหีบเย็นนี้ รศ.ดร.วินัย ดะห์ลัน คณบดีคณะสหเวชศาสตร์ และผู้อำนวยการศูนย์วิทยาศาสตร์ฮาลาล จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เล่าเท้าความเกี่ยวกับ “น้ำมันมะพร้าว” ในสังคมไทย ว่า ก่อนหน้านี้ ราวๆ สามสิบปีที่แล้ว ประเทศไทยเกิดกระแสความกลัวที่จะเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด ซึ่งเป็นความกลัวที่ส่งผ่านมาจากประเทศในซีกโลกฝั่งตะวันตก และโยนบาปทั้งหมดลงไปที่น้ำมันมะพร้าว ด้วยเหตุที่น้ำมันมะพร้าวเป็นน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันอิ่มตัวสูงที่สุดคือมีอยู่ราวๆ 80-90% ทำให้กิจการสวนมะพร้าวของบรรดาเกษตรกรทั้งหลายพังกันไปเป็นแถบๆ ![]() รศ.ดร.วินัย ให้ภาพการถาโถมของกระแสการกินน้ำมันมะพร้าวในปัจจุบัน ว่า เกิดจากกระแสของคนกลุ่มเล็กๆ ที่มองว่า น้ำมันมะพร้าวเป็นอาหารมหัศจรรย์ โดยมุ่งประเด็นไปในมุมมองที่ว่า ในน้ำมันมะพร้าวมีกรดไขมันขนาดความยาวไม่เกิน 12 คาร์บอน ซึ่งมีลักษณะเมตาบอลิซึมเหมือนน้ำตาล ย่อยได้ที่ตับ ไม่ตกค้างเป็นไขมัน และในบางกลุ่มที่นิยมกินน้ำมันมะพร้าว เชื่อว่า กรดไขมันนี้จะดึงเอาพลังงานเก่ามาใช้ ช่วยให้ลดไขมันและลดความอ้วนได้ |
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) | Powered by Discuz! X3.2 |