สวัสดีค่ะ หลิวนะคะ เป็นพนักงานโรงพยาบาลศัลยกรรมบาโนบากิค่ะ
จากที่ส่งลูกค้าเห็นลูกค้าทำศัลยกรรมมาหลายเคสวันนี้ถึงตาเราแล้วค่ะ
ตอนแรกยังไม่ได้มีความคิดที่จะศัลยกรรมหรือแก้ไขอะไร
จนกระทั่งวันนึงไปถ่ายรูปกับเพื่อนแล้วถ่ายมุมด้านข้างที่จมูกเราเหินขึ้นไปด้านบนมากๆ
น่าจะเพราะเดิมทำจมูกมา 7 ปีแล้ว อาจจะต้องเปลี่ยนใหม่แล้
ว แล้วก็จะมีบางช่วงที่จมูกแดงขึ้นมาตรงปลาย
น้องคงจะอยากเปลี่ยนใหม่จริงๆ ก่อนหน้านี้ไม่เคยเป็นมาก่อน เพิ่งมาเป็นช่วงนี้ค่ะ
และอีกหนึ่งอย่างที่กังวลคือคางถอยค่ะ แล้วถ้าสังเกตดีๆคือหน้า 2ฝั่งไม่เท่ากันชัดเจน
จริงๆไม่ได้กังวลอะไรมาก แต่คิดว่าไหนๆก็ทำทั้งที ทำโหนกแก้ม กราม คางไปด้วยเลย
เพราะคุณหมอโครงหน้าโรงพยาบาลเราก็เบอร์หนี่งอยู่แล้ว ฝากตวเป็นลูกสาวคุณหมอโอไปเลยดีกว่าค่ะ
และแล้วก็ถึงวันที่เราเข้าปรึกษา
ก่อนเข้าพบคุณหมอก็พาตัวเองไปถ่ายCT XRAY กระดูกและเส้นประสาทบริเวณโครงหน้ากันก่อนค่ะ
หลังจากนั้นก็นั่งรอคิว แล้วเข้าไปปรึกษากับคุณหมอโอชางฮยอนค่ะ
คุณหมอบอกว่าดูจากรูปเอ็กซเรย์จริงๆคางไม่ได้สั้นมากขนาดนั้น แค่เลื่อนคางก็ได้
ส่วนกรามเหลากระดูกข้างเดียว ลดโหนกแก้ม แพลนประมาณนี้ค่ะ
ส่วนตอนปรึกษากับคุณหมอจมูกลืมถ่ายรูปไว้เลยไม่มีรูปมาให้ดูเลยค่ะ
แต่คุณหมอก็ดูจากรูปCT จมูกแล้วก็บอกว่ากระดูกด้านในยังดี แก้ไขได้ไม่ยาก
แล้วคุณหมอก็สอบถามว่าความสูงตอนนี้โอเคมั้ย ส่วนตัวแล้วไม่ได้อยากได้จมูกที่สูงมาก
อยากได้ที่ดูธรรมชาติ เลยคิดว่าความสูงเท่าเดิมโอเคแล้วค่ะ
และหลังจากนั้นเราก็ได้ไปตรวจร่างกายตรวจเลือดทิ้งไว้ก่อนด้วย
ผลเลือดออกมาดี แต่ความดันค่อนข้างสูง 5555
เพราะมีโรคประจำตัวเป็นความดันโลหิตอยู่ ก็เลยยังต้องกินยาจนวันผ่าตัดเลย
แต่ด้วยความที่เราก็ทำงานที่โรงพยาบาลบาโนบากิ ก็เลยมั่นใจและวางใจ
ที่จะทำการผ่าตัดที่ต้องใช้ยาสลบ เพราะมีคุณหมอวิสัญญีดูแลทุกเคสค่ะ
วันผ่าตัด
วันนี้เข้ามาที่โรงพยาบาลแต่เช้าเลยค่ะ มาเตรียมตัว เปลี่ยนชุดรอห้องผ่า
เมื่อคืนไม่ได้กังวลอะไร ไม่ตื่นเต้น นอนหลับสบายมากค่ะ 5555
และก่อนที่จะเข้าห้องผ่าต้องมาดีไซน์จมูกกันก่อนค่ะ
คุณหมอจะวาดๆที่หน้าเรา ก่อนเข้าห้องผ่าค่ะ
ตอนนหน้าจะมาอัพเดทวันหลังผ่าตัดให้ดูนะคะ ว่าจะเป็นยังไง รู้สึกยังไงระหว่างนั้น
วันนี้ต้องขอตัวลาไปก่อนนะคะ ไว้เจอกันใหม่ตอนหน้าค่ะ
วันนี้กลับมาอัพเดทหลังผ่าตัดให้เพื่อนๆอ่านแล้วนะคะ
หลังจากที่เข้าห้องผ่าตัดไปราวๆ 8 ชั่วโมงก็ได้ออกมานอนพักฟื้นแล้วค่ะ
และนี่คือสภาพ
หลังจากผ่าตัดเสร็จนะคะ
พี่ที่ไปปลุกบอกว่าเราไม่ยอมตื่น ต้องเรียกสักพักเลย
แต่พอลืมตามาก็สภาพนี้เลยค่ะ แล้วเท่าที่จำได้คือตื่นมาพยายามลืมตาไม่หลับ แล้วก็หายใจเข้าออกลึกๆ
เพื่อไล่แก๊สออกมา จะได้ไม่มึนเยอะ พอนอนสักพักก็ได้ขึ้นไปนอนที่ห้องพักฟื้นที่เราจะต้องพักในคืนนี้ค่ะ
พอถึงห้องพักพยาบาลก็มาอธิบายหลังผ่าตัด แล้วก็นำไอซ์แพ็คมาให้ประคบหน้า หน้าจะได้ไม่บวมมาก
คืนแรกไม่รู้สึกเจ็บเลยค่ะ แต่ว่าค่อนข้างลำบากในการนอนเนื่องจากเราทำโครงหน้าและจมูกด้วยกัน
เราหายใจทางจมูกไม่ได้เพราะมีสำลีอุดรูจมูกไว้อยู่ เลยต้องหายใจทางปาก
ซึ่งเราทำโครงหน้าเลยอ้าปากค่อนขางลำบาก
คืนนั้นเลยไม่ค่อยได้นอนเลยค่ะ แต่ก็ยังไหวเพราะเราในห้องผ่าตัดมานานแล้ว
เลยพยายามเดินทั้งคืนเลย เพราะเดินเยอะๆ จะช่วยลดบวมด้วยค่ะ
และหลังจากที่เราขึ้นมาที่ห้อง พอเราเริ่มทานอะไรได้ พวกน้ำส้ม โปรตีน เราก็ต้องบ้วนปาก
และลุกขึ้นมาบ้วนปากทั้งคืนเลยค่ะ
และตอนเช้าก็รอพยาบาลมาเอาสำลีในจมูกออกให้ และรอคุณหมอเข้ามาเยี่ยม หลังจากนั้นก็กลับบ้านค่ะ
ตื่นเช้ามาตาข้างที่บวมเมื่อคืนตอนนี้ดำแล้วค่ะ
และนี่คือรูปวันที่ 3และ 4หลังผ่าตัดค่ะ เป็นวันที่บวมสุดๆเลยค่ะ
วันที่ 4 เราก็เริ่มกลับไปทำงานแล้วค่ะ ซึ่งสามารถทำงานได้ปกติเลยค่ะ
วันที่ 4 สังเกตุว่าบริเวณที่ดูดไขมันเหนียงมาเริ่มเหลืองแล้ว ใต้ตาก็เช่นกันค่ะ
ระหว่างวันที่รอตัดไหมเราก็เช็ดทำความสะอาดแผล และกินยาตามที่รพ.แจ้ง
และแล้วก็ถึงวันที่ต้องตัดไหมค่ะ วันนี้เข้ามาตัดไหมที่รพ.ค่ะ
วันที่ 7 หลังตัดไหม
ถึงหน้าจะยังบวมอยู่แต่รู้สึกว่าจมูกที่เหินยาวขึ้นมากๆ อดทนรอวันยุบบวมค่ะ
สวัสดีค่ะ หลิวนะคะ เป็นพนักงานโรงพยาบาลศัลยกรรมบาโนบากิค่ะ
วันนี้มาอัพเดทช่วง 2 สัปดาห์ให้ดูกันค่ะ จริงๆช่วงนี้ไม่ค่อยมีอะไรเปลี่ยนแปลงมาค่ะ
จะมีความบวมหน้าที่บวมขึ้นๆลงๆ แล้วแต่อาการสแต่ละวัน
ช่วงนี้เกาหลีร้อน วันไหนร้อนมากๆ หน้าก็จะค่อนข้างบวมค่ะระ
นี่คือรูปวันที่ 9
ตายังช้ำมากๆแต่มาทำงานแล้วนะคะ ลูกค้าก็มีตกใจกันบ้าง
แต่เราก็ไม่ได้ซีเรียสค่ะ ออกไปเจอลูกค้าตามปกติ อย่างวันที่ 9นี้จะถือว่าค่อนข้างบวมมากๆค่ะ
จะเห็นว่าข้างๆหูจะมีเทปสีขาวๆ แปะไว้อยู่ เทปนี้จะเริ่มแปะตั้งแต่วันที่ 9ที่ตัดไหมหน้าหู
ไหมตรงนี้คือแผลโหนกแก้มค่ะ ต้องแปะทิ้งไว้ประมาณ 2-3 วัน
แต่ถ้าหลุดก่อนก็สามารถปล่อยให้หลุดไปได้เลย
ส่วนที่เราอยู่ครบทั้งที่อาบน้ำสระผมวันเว้นวัน แกะออหกวันที่ครบกำหนดพอดีค่ะ
วันที่12หลังผ่าตัด
ช่วงนี้ก็ยังมีอาการบวมอยู่มากๆค่ะ ยังทายาและกินยาอยู่
ยังประคบเย็นอยู่เรื่อยๆ และเริ่มรัดหน้ามาตั้งแต่วันที่ 7 รัดบ้างไม่รัดบ้าง เพราะยังมีไหมอยู่ในปาก
ตอนรัดหน้าเลยจะค่อนข้างเจ็บ พอเจ็บเราก็จะไม่รัดค่ะ รัดเท่าที่ไหวพอ ไม่ไหวไม่ฝืนค่ะ><
ถ้าให้แนะนำว่าระหว่างผ่าตัดควรกินยาอะไรดูแลตัวเองยังไง
ส่วนตัวเรารู้มาก่อนแล้วว่าผ่าตัดจะต้องสอดท่อ และอาจจะเจ็บคอ มีเสมหะได้
เลยเตรียมยาพ่นคอมาเผื่อ จะบอกว่าช่วยได้มากจริงๆค่ะ
และระหว่างนั้นก็มีทานยาลดน้ำมูกบ้างเพราะทำจมูกมาก้ยังมีน้ำมูกอยู่เยอะมากๆ
จำว่าเลิกทานอีกทีคือวันที่ 14 หลังผ่าตัดเลย แต่ไม่ใช่ว่าน้ำมูกหมดแล้วนะคะ
แต่ใส่แมสไว้ ไม่อยากทานยาเยอะให้ร่างกายได้ปรับตัวด้วยตัวเองบ้าง5555
และสิ่งสำคัญที่คิดว่าน่าจะช่วยอาการบวมได้บ้างคือน้ำฝักทองค่ะ
เรากินน้ำฝักทองหลังผ่าตัด ทานบ้างไม่ทานบ้าง บางวันก็ไม่มีเวลาเลยไม่ได้ทาน
จะบอกว่ารสชาติค่อนข้างแย่เลยค่ะ
ขนาดเป็นคนชอบกินผลไม้ก็คิดว่ากินยากเลยต้องแช่เย็นถึงจะกินง่ายขึน
ยาพ่นคอ
น้ำฝักทอง
และนี่คืออาหารที่เราทานช่วงแรกๆค่ะ
-นม -โปรตีน(ยี่ห้อในรูปอร่อยสุดค่ะㅠㅠ) -โจ๊ก
ช่วงแรกก่อนตัดไหมในปากก็จะเน้นกินอาหารอ่อนๆยังเคี้ยวอะไรไม่ค่อยได้
อย่างรูปด้านบนเราจะเน้นกินโปรตีนเป็นหลัก โจ๊กก็กินบ้างเพราะต้องทำงานจำเป็นต้องมีสารอาหารค่ะ
และหิวด้วย ต้องใช้ชีวิต 55555
แต่ทุกคนไม่ต้องกลัวจะอดตายนะคะ เพราะเราผ่านมาแล้ว
เป็นคนที่กินค่อนข้างเก่ง เลยลองเคี้ยวอะไรดูบ้าง พอเริ่มกินได้ก็กินค่ะ
แต่เอาจริงๆจะบอกว่าที่กินๆไปคือติดอยู่ในปากที่บวมๆแล้วประมาณ60% กินไปจริงแค่40%ค่ะ
โดย: fortunemoon
เวลา: 2024-11-5 15:31
วันที่ 14
วันนี้ก็เป็นวันที่ต้องมาตัดไหมและก็มาทำงานเช่นกันค่ะ
ตอนเช้ามาทำงานก่อนแล้วบ่ายๆเราก็แวะเข้าไปตัดไหมค่ะ
หลังตัดไหม ถ่ายCT XRAY เรียบร้อยก็รอเข้าพบคุณหมอค่ะ
คุณหมอโอก็ชมว่าสวยขึ้น มีคางแล้ว55555
และคุณหมอก็ให้ดูแลหลังผ่าตัดให้ดี หลัง 1เดือนให้เริ่มฝึกอ้าปากได้
ณ ตอนนี้ยังอ้าปากไม่ได้มากเลยไม่ได้มีคำถามหรือพูดคุยอะไรมากได้แต่นั่งยิ้ม
ถึงแม้ว่าหน้าจะเหมือนคนร้องไห้ก็ตามค่ะ
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) |
Powered by Discuz! X3.2 |