และวันที่ผมนัดปรึกษาคุณหมอก็มาถึง ผมเดินทางไปสำนักงานสาขาที่ทองหล่อตามเวลานัด วันนี้หมอโอมาประเมินหน้าให้ เราก็บอกว่าเราอยากปรับหน้าเราแบบไหนบ้าง และให้คุณหมอแนะนำเพิ่มเติมให้ด้วยว่าควรทำอะไรเพิ่มดีบ้าง (ระหว่างการปรึกษาจะมีล่ามแปลไทยอยู่กับเราด้วยตลอดเวลา ไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารนะครับ)
ปรึกษาเสร็จเรียบร้อยล่ามก็ทำสรุปให้เราอีกทีว่าคุณหมอแนะนำให้ทำอะไรบ้าง และราคาการทำแต่ละอย่างอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ เพื่อให้เราได้ตัดสินใจอีกที ซึ่งผมคอนเฟิร์มทำทั้งหมดที่คุณหมอแนะนำเลย ต่อไปก็หาคิวผ่าตัดที่เกาหลี เมื่อได้คิวผ่าตัดแล้วเราก็ทำการจองตั๋วเครื่องบิน และที่พักเอง (สามารถสอบถามที่พักกับทางเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลได้ให้เขาแนะนำได้เช่นกันนะครับ) เมื่อจองทุกอย่างเรียบร้อยแล้วก็ส่งรายละเอียดการจองให้กับทางโรงพยาบาล เพื่อที่เขาจะออกเอกสารการศัลยกรรมให้กับเราเผื่อ ตม.ฝั่งเกาหลีถาม เราสามารถยื่นเอกสารตัวนี้ให้ได้เลย
ก่อนเดินทางจะมีเจ้าหน้าที่ฝั่งโรงพยาบาลที่เกาหลีแอดไลน์หาเราเพื่ออธิบายรายละเอียดการผ่าตัดกับเราอีกทีว่าการผ่าตัดของเราจะเป็นการผ่าตัดแบบไหน ใช้ยานอนหลับหรือยาสลบ , การเตรียมตัวก่อนการผ่าตัด , วิธีการดูแลตัวเองหลังผ่าตัด รวมถึงการทำการนัดหมายต่าง ๆ เพราะว่าเราต้องเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่เกาหลีอีกรอบก่อนวันผ่าตัด
ผมได้คิวเข้าปรึกษาคุณหมอที่เกาหลีก่อนวันผ่าตัด 1วัน เมื่อถึงโรงพยาบาลแล้วเจ้าหน้าที่ก็พาเจาะเลือดก่อน วันนี้ผมเข้าปรึกษากับหมอยู ซึ่งเป็นคุณหมอที่ดูแลเรื่องตา กับจมูกโดยเฉพาะ โดยการประเมินหน้างานครั้งนี้หมอลียูจองได้ปรับแผนการผ่าตัดให้ผมใหม่อีกรอบ เพราะจากการที่คุณหมอดูอีกรอบแล้วหน้าผมไม่ค่อยมีปัญหาอะไร บวกกับผมที่อยากให้หน้ายังดูเป็นธรรมชาติอยู่ ไม่อยากทำแล้วหน้าเปลี่ยนไปอีกแบบเลย หมอลียูจองประเมินอยู่สักพักนึงและสรุปให้ทำปรับจมูกให้โด่งขึ้นอีกนิดนึง แล้วเสริมปลายโดยใช้กระดูกจากหลังหู ไม่ต้องใช้กระดูกซี่โครงอ่อน เนื่องจากกระดูกอ่อนที่จมูกของผมค่อนข้างแข็งแรงอยู่แล้วเลยไม่ต้องถึงขั้นใช้กระดูกซี่โครงอ่อน ส่วนเรื่องตาหมอยูบอกว่าไม่ได้มีปัญหาเรื่องตาตก มีแค่ชั้นตาขวามีชั้นเดียวไม่เท่ากับข้างซ้าย เลยจะสอยชั้นตาข้างขวาให้เท่ากับข้างซ้ายด้วยการจิ้มจุด คุณหมอยูเสริมตอนท้ายอีกว่าไหน ๆ ก็เข้าห้องผ่าตัดแล้วเดี๋ยวหมอจะเติมฟีลเลอร์ และโบท็อกที่หน้าผากกับหว่างคิ้วบริเวณที่เป็นร่องเพิ่มให้ด้วย
หลังจากประเมินหน้าเสร็จก็กลับที่พักเตรียมตัวงดน้ำ งดอาหารก่อนผ่าตัด 6-8ชั่วโมง มื้อเย็นก่อนงดน้ำ งดอาหาร แนะนำให้หาอะไรกินที่ย่อยง่าย ๆ หรือถ้าใครรู้สึกว่าไหน ๆ ก็ถึงเกาหลีแล้วก็ต้องกินปิ้งย่างสิ ก็รีบไปก่อนได้เลยครับ แต่กินในปริมาณที่พอดี ๆ พอนะครับ ฮ่า ๆ ๆ ๆ
สวัสดีครับผมชื่อบอสนะครับ
วันนี้จะมาเขียนรีวิวต่อจากครั้งที่แล้ว เป็นหลังผ่าตัด 1 สัปดาห์ครับ
หลังผ่าตัดวันที่ 1
ตื่นเช้ามาทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ แปรงฟัน อาบน้ำ(ไม่โดนหน้า) กินข้าว กินยา
สังเกตหน้าตัวเองก็ไม่ค่อยบวมเท่าไหร่
วันนี้เจ้าหน้าที่นัดเข้าไปที่โรงพยาบาลเพื่อทำการ Check-up หลังผ่าตัด
และนัดล้างแผล + สอนวิธีการล้างแผลด้วยตัวเอง
พอทำแผลเสร็จเรียบร้อย เจ้าหน้าที่ก็ทำนัดเพิ่มเติมผ่านทางไลน์
ว่าเราต้องเข้าไปฉายเสียงลดบวมวันไหนเวลาไหนบ้าง
เอาเฝือกจมูกออกวันไหน และตัดไหมวันไหน
ทุกอย่างเขาสรุปเป็นรายการมาให้เราเลยผ่านช่องทางไลน์
หลังจากนั้นเราก็ออกไปใช้ชีวิตในเกาหลีต่อครับ
หลังผ่าตัดวันที่ 2
อาการตาช้ำจากเมื่อคืนค่อนข้างดีขึ้น ไปปวดและรอยช้ำจางลง จมูกไม่มีอาการอะไร
รู้สึกว่าเจ็บหลังหูมากกว่า เพราะหมอเอากระดูกอ่อนจากหลังหูเราไป แต่ไม่ได้รู้สึกเจ็บตลอดเวลา
จะรู้สึกแค่ตอนล้างแผลหรือตอนนอนแล้วเผลอหันข้างหูลงหมอน
ความยากลำบากสำหรับผมในการทำศัลยกรรมไม่ใช่เรื่องของการเจ็บแผล หรือบวมช้ำอะไรเลย
จะมีแค่เรื่องต้องนอนหงายตรง หมอนสูงตลอดเวลา เลยทำให้รู้สึกปวดหลังมาก ๆ
หลังผ่าตัดวันที่ 3
จมูกและตาวันนี้ยังทรง ๆ อยู่ ไม่บวมขึ้น รอยช้ำเปลือกตายังเป็นสีม่วง ๆ อยู่
ไม่เจ็บและไม่ปวดแผลใด ๆ เจ้าหน้าที่บอกให้พยายามเดินเยอะ ๆ
วันนี้เลยออกไปเดินหาของกินในย่านกังนัม
จะว่าไปการออกมาข้างนอกแล้วเจอคนทำศัลยกรรมที่นี่ถือว่าเจอได้ง่ายมาก ๆ
ถ้าลองคิดภาพตัวเองแปะเฝือกแบบนี้แล้วเดินอยู่ที่ไทย
คนที่เดินสวนไปมาก็คงจะต้องมีเหลียวมาดูและน่าจะมีขำกันบ้างแหละ
หลังผ่าตัดวันที่ 4
เช้านี้ตื่นนอน 10โมงไปเลย นอนหลับสบายเกิน น่าจะเหนื่อยจากหลาย ๆ
วันก่อนหน้านี้ ตื่นมาก็รีบล้างแผล ทายา กินยาก่อนเลย ห้ามขี้เกียจ ห้ามหลุดเวลา
เพราะเราต้องหมั่นทำความสะอาดแผลตลอดแทบจะทุกชั่วโมง
และยาทาก็ต้องทาเช้าและเย็น ยากินก็มีเช้า กลางวัน เย็นเลย
หากเราเผลอหรือลืมไปจะกินยาไม่ครบโดสตามที่หมอจัดมาให้
เพื่อให้เป็นไปตามแผนที่คุณหมอจัดไว้ให้ก็ทำตามเขาหน่อยนะครับ
อาการวันนี้เหมือนกับทุกวันรอยช้ำเปลือกตาดูจางลง
จมูกรอลุ้นทรงหลังถอดเฝือกออกวันพรุ่งนี้ครับ
หลังผ่าตัดวันที่ 5
วันนี้เป็นวันที่ทางโรงพยาบาลนัดเข้าไปทำแผล+ฉายแสงลดบวม และก็ถอดเฝือกจมูกออก
ก่อนถึงวันล่ามก็ได้มีการรีเช็กกับเราเพื่อเตือนความจำว่ามีนัดนะ
พยายามไปตรงเวลาเพราะว่าเดี๋ยวจะไปชนคิวนัดของคนไข้อื่น ๆ เขา
และระหว่างที่กำลังเอาเฝือกจมูกออกผลปรากฏว่าทุกคนที่อยู่ตรงนั้น
คุณหมอ เพื่อนเรา และล่ามต่างออกปากว่าจมูกทรงดีมาก ออกมาดีเลย
รวมถึงคุณหมอก็บอกว่าออกมาอย่างที่คุณหมอตั้งใจไว้เลย
ถอดเสร็จส่องกระจกดูเองก็รู้สึกโอเคกับทรงจมูกมาก ๆ เหมือนกัน
ขอบคุณคุณหมอมาก ๆ ที่ทำออกมาได้ดีเลย กราบ
ความกังวลใจของเราตอนแรกก่อนจะทำเลยต้องบอกว่ากลัวทำออกมาแล้วหน้าจะแปลก
แต่ต้องยกความดีความชอบให้คุณหมอที่ประเมินเราก่อนแล้ว
ว่าต้องปรับแบบไหนที่จะให้ยังคงดูธรรมชาติและเสริมให้ดูดีเพิ่มขึ้น
แต่ใด ๆ วันนี้ถอดเฝือกแล้วก็ได้ตัดไหมด้านนอกออกได้ด้วย
แต่ไหมด้านในต้องกลับไปตัดที่ไทยเพราะว่าแผลด้านในยังไม่แห้งสนิท
และเราก็แพลนอยู่เกาหลีไม่ครบวันตามกำหนดตัดไหมรอบ 2(กำหนด 14วันหลังผ่าตัด)
แต่ก็ไม่เป็นไรเพราะเคลียร์งานมาอยู่เกาหลีได้รวม ๆ 12 วัน
รวมวันเดินทางก็ถือว่าเป็นการลางานที่ยาวนานมากแล้ว ฮ่า ๆ ๆ ๆ
ล่ามแนะนำเพิ่มเติมอีกว่าตอนนี้จมูกยังบวม ๆ อยู่เป็นเรื่องปกติ
ต้องรอประมาณเดือนนึงอาการบวมจะลดลงอีก 80% เลย
และเนื้อจมูกก็จะค่อย ๆ รัดแกนไปเรื่อย ๆ หน้าก็จะเป๊ะขึ้นไปอีก
หลังจากนั้นก็เดินทางกลับที่พักรีบเช็ดหน้า ล้างหน้าเลย
เพราะไม่ได้ล้างมา 5วันแล้ว หน้าเมือกมาก หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยชีวิตก็กลับมาปกติ(เพราะไม่มีเฝือกแปะอยู่ที่หน้าแล้ว) หน้าที่ดูสะอาดเหมือนเพิ่งอาบน้ำเสร็จ และที่เพิ่มเติมคือจมูกที่เป็นสันขึ้น และตาของทั้งสองข้างที่เท่ากันสักที
โดย: BozzAnusorn
เวลา: 2024-9-17 11:52
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย BozzAnusorn เมื่อ 2024-9-17 11:53
หลังผ่าตัดวันที่ 10
วันนี้ถึงวันที่ต้องกลับไทยแล้ว มาลุ้นว่าจมูกที่เป็นสันขึ้น + ตาขวาที่ปรับมาให้เป็นสองชั้นเหมือนกับข้างซ้ายนี้จะผ่านเครื่องสแกนอัตโนมัติหรือไม่ จริง ๆ ทางโรงพยาบาลก็เตรียมเอกสารไว้ให้เราอยู่แล้วด้วยว่าผ่าตัดศัลยกรรมมา ทำอะไรมาบ้าง ในเอกสารก็จะอธิบายมาให้ครบ เพื่อจะได้ไม่มีปัญหาทั้งฝั่งขาออกจากเกาหลี หรือขาเข้าประเทศไทย ก่อนวันเดินทางเราก็ทำการเช็กอินออนไลน์ไว้ก่อนล่วงหน้า เหลือแค่ไปโหลดกระเป๋าที่เค้าเตอร์ของสายการบินอีกที พนักงานก็ขอตรวจดู Passport ตามปกติ ก็ไม่ได้ทักอะไร (แสดงว่าหน้าเราธรรมชาติใกล้เคียงเหมือนรูปในเล่ม) ต่อไปก็ผ่าน ตม. ขาออก เราเลือกเข้าเครื่องแบบอัตโนมัติ สแกนหน้าผ่านแบบปกติมาก (ไม่ต้องไปหาทำPassport เล่มใหม่แล้ว) เดินทางมาถึงไทยก็เข้าช่องอัตโนมัติของคนไทยอีก ก็ผ่านฉลุย แต่เพื่อนที่ไปด้วยไม่ผ่าน เพราะว่าหน้ายังบวมอยู่เครื่องไทยน่าจะแมตหน้าไม่ได้ ฮ่า ๆ ๆ ๆ (แต่เครื่องที่เกาหลีเพื่อนผ่านมาได้นะ งงอยู่ว่าระบบจดจำใบหน้าคนละตัวกันรึป่าว)
ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี กลับบ้านหมาที่บ้านก็ยังจำเราได้อยู่ ชีวิตหลังผ่าตัดทั้ง 10วัน ของเราตั้งแต่วันที่เริ่มทำ พักฟื้นอยู่ที่เกาหลี จนกลับมาถึงไทย ได้จมูกใหม่ ตาใหม่ ที่โอเคมาก ๆ ฝากใครที่ยังลังเล หรือกำลังจะตัดสินใจทำ ถ้าจะคิดจะทำแล้วอย่ากลัว เพราะว่าหมอจะช่วยประเมินหน้าคุณก่อนทำอยู่แล้วว่าทำแบบไหนจะโอเคกับคุณมากที่สุด ว่าแล้วก็ลองโทรไปปรึกษาทางโรงพยาบาลบาโนบากิ และทำนัดปรึกษากับคุณหมอก่อนได้เลย หมอเดินทางมาไทยทุกเดือนอยู่แล้ว ปรึกษาเสร็จจองวันทำที่เกาหลี และแพ็คกระเป๋าได้เลยครับ
หลังผ่าตัดวันที่ 11
หลังจากกลับมาไทย วันนี้เรามีนัดตัดไหมด้านในจมูกที่ไทย อันนี้ทางโรงพยาบาลก็ทำนัดให้เราเสร็จสับเรียบร้อยตั้งแต่อยู่เกาหลี (สำหรับคนที่กลับมาตัดไหมที่ไทย จะมีค่าใช้จ่ายอยู่ที่ 2,000บาทนะครับ ดีลกับโรงพยาบาลเมโกะ สาขาจตุจักร) หลังจากตัดไหมเสร็จเราก็กลับไปบ้านไปหาพ่อ แม่ พี่ ป้า น้า อา เอาหน้าใหม่ไปให้พวกเขาดูด้วยตาเนื้อ เพราะว่าก่อนทำเขาก็ไม่ค่อยอยากให้เราทำสักเท่าไหร่(ความกังวลของคนที่บ้านเราคือกลัวหน้าเราแปลก และสำคัญสุดคือกลัวเราหลับไปตอนผ่าตัดแล้วไม่ตื่น ฮ่า ๆ ๆ ๆ ) ผลลัพธ์หลังจากเจอหน้าเราจริง ๆ ทุกคนต่างบอกว่าหน้าโอเคขึ้น ดูคมขึ้น ทำให้อยากลองไปทำศัลยกรรมกันหมด ขนาดจมูกกับตาเรายังมีบวมอยู่เล็กน้อยด้วยนะเนี้ย เดี๋ยวรอดูว่าถ้าทุกอย่างยุบครบ 100% จะชมกันไปทางไหนอีก (อวยกันไปให้สุด) เอาเป็นว่าคนที่กังวลหรือทางบ้านกลัวคล้าย ๆ กับของเรา บอกไปเลยว่าสบายใจได้ใจนะครับ เพราะทางโรงพยาบาลมีมาตรฐานที่ดี ทีมแพทย์ พยาบาลที่มีความรู้ ความสามารถเฉพาะทาง ที่มั่นใจได้ครับ
หลังผ่าตัดวันที่ 12-14
ความรู้สึกทุกอย่างดีขึ้นเรื่อย ๆ ตามที่ทางโรงพยาบาลแนะนำมาเลย บวมก็ค่อย ๆ ลดลงตามเวลา (แต่ของเราไม่ได้บวมมากเท่าไหร่อยู่แล้วด้วย) แต่จะยังรู้สึกตึง ๆ ที่ปลายจมูกอยู่ โดยรวมก็แทบจะปกติแล้ว หลังจากตัดไหม ก็ไม่ต้องทายาแล้ว รวมถึงยาที่หมอจัดมาให้กินก็ครบพอดีในวันที่ 14 ต่อไปก็รอเวลาให้ทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ทั้งจมูกและตาก็จะคอมพลีทสมบูรณ์ในอีกไม่เกิน 1ปี สามารถติดตามอัพเดทแต่ละเดือนได้ทางเพจของโรงพยาบาลได้ต่อเลยนะครับ หวังว่าไดอารี่การทำศัลยกรรมครั้งแรกของเราจะพอเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลและตัดสินใจทำศัลยกรรมเหมือนกันกับเรานะครับ สวัสดีค้าบบบ
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/) |
Powered by Discuz! X3.2 |