สวัสดีค่ะ เราจะมาเราประสบการให้ฟัง หลังตัดสินใจจะผ่าตัดโครงหน้ากับรพ.บาโนบากิค่ะ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเราชื่อ “มิ้น” จ้า
เราทำ Channal ในยูทูปชื่อว่า Mynjimye (มินจีมาย) เป็นช่องเกี่ยวกับ Beauty & Lifestyle
(แอบเข้าไปส่องๆดูกันได้นะ ฮ่าๆ)
ซึ่งแน่นอนเราเป็นคนชอบเรื่องความสวยความงามอยู่แล้ว
พอได้โอกาสบินมาทำโครงหน้าที่ประเทศเกาหลีเลยเก็บรีวิวมาฝากทุกๆคน
สำหรับใครที่คิดอยากจะทำโครงหน้าแต่ก็กล้าๆ กลัวๆ ก็เข้ามาอ่านประสบการณ์ของเราได้เลย
หลังจากบินมาประเทศเกาหลี วันนี้ทางโรงพยาบาลนัดเราเข้ามาตรวจร่างกายกับพบคุณหมอโอชางฮยอนก่อนผ่าตัดวันพรุ่งนี้ พอมาถึงก็แจ้งชื่อที่เค้าท์เตอร์ก่อน จากนั้นก็มีพี่ล่ามชื่อพี่จือ (พี่จือเป็นล่ามคนไทยประจำอยู่ที่รพ.)พี่จือเอาชาร์ทมาให้กรอกพวกประวัติส่วนตัว น้ำหนัก ส่วนสูง พร้อมเช็คประวัติการศัลยกรรม การแพ้ยาต่างๆ
เรียบร้อยแล้วพี่เขาก็ให้ขึ้นไปถ่ายรูป before ถัดมาก็เข้าห้องเอกซเรย์ แสกนกระโหลกศีรษะแบบ3D
ซึ่งเครื่องแสกนจะมีทั้งหมด 3 เครื่อง จุดนี้เหมือนเข้าฐานแต่ละฐาน เสร็จด่านนี้ไปด่านนู้น แต่ก็จะมีพี่ล่ามคอยประกบ อธิบายให้เราฟังอยู่ตลอด
ถัดมาเราก็ได้เข้าไปพบคุณมีรา คุณมีราเป็นผู้เชี่ยวชาญที่จะให้คำปรึกษาว่าจะต้องทำอะไรบ้าง แล้วก็อธิบายว่าการผ่าตัดจะตัดตรงบริเวณส่วนไหนให้ปลอดภัยที่สุด คุณมีราน่ารักมาก แอบรำพึงเบาๆตอนเจอกันว่าสวยจัง ปรากฏว่าคุณมีราเข้าใจ 555 เรียบร้อยก็ไปรอพบคุณหมอโอชางฮยอน(คุณหมอโอ Let me in) แอบตื่นเต้นนิดๆ แต่พอเจอคุณหมอก็หายเกร็งเลยเพราะคุณหมอโอดูใจดีมากกกกกก กอไก่ล้านตัว คุณหมอก็อธิบายว่าจริงๆโครงหน้าเราโอเคอยู่แล้ว แต่ติดที่พอเทียบกับตัวที่เล็ก ทำให้หัวดูโตหน้าดูใหญ่ คุณหมอเปิดภาพเอกซเรย์ให้ดูก็เห็น
เสร็จแล้วเราก็ลงมาตรวจคลื่นหัวใจที่แผนกเกี่ยวกับศัลยกรรมหน้าอก ตรงนี้ต้องเปลี่ยนใส่ชุดคลุม แล้วก็ถอดชุดชั้นใน เข้าไปเขาจะเอาแผ่นกลมๆมาติดที่หน้าอก (จุดนี้ต้องโชว์หน้าอกนิดนึงแต่เราไม่ค่อยเขินเพราะไม่ค่อยมีให้โชว์ 5555) เรียบร้อยแล้วก็เจาะเลือดตรวจ เป็นอันเสร็จสิ้นภารกิจจจ ~ ฮิ้วว
จริงๆวันนี้ค่อนข้างเหนื่อยนิดนึงเหมือนต้องเข้าฐานหลายๆด่าน เสร็จแล้วพี่ๆคนไทยจากโรงพยาบาลก็บอกให้ไปกินข้าวตุนไว้เยอะๆ เพราะเดี๋ยวต้องงดอาหาร งดน้ำตอนเที่ยงคืน (และหลังผ่าจะต้องกินแค่นม หรืออะไรอ่อนๆไปอีก 2 อาทิตย์) เรากับเพื่อนเลยนั่งรถไฟใต้ดินไปกินจุกุมิ ปลาหมึกผัดเผ็ดที่ฮงเด ซัดไปจนพุงกางแล้วก็เดินเล่นต่อนิดหน่อยค่อยกลับมาห้องพัก ถึงห้องเรางดน้ำ อาหารประมาณ 5 ทุ่มครึ่ง แล้วก็ไปนอนตอนตี1กว่าๆ จุดนี้ต้องพยายามทำใจร่มๆ จะได้นอนหลับเต็มอิ่ม ถ้าไปกังวลนอนไม่หลับ ร่างจะเพลียเอาเด้อ zZzZz
ยังไงฝากติดตามพาร์ทต่อไปด้วยเด้ออออออ
มาต่อแล้วจ้าาา ในที่สุดวันนี้ก็เป็นวันผ่าตัดแล้ว งืออ ตื่นเต้นมากกก
วันนี้ทางรพ.นัดคิวผ่าไว้ตอน 10.00 น.
แต่ต้องไปถึงก่อนสักครึ่งชั่วโมงเพื่อเช็คร่างกายอีกนิดหน่อย
การเตรียมตัววันนี้คือต้องใส่เสื้อที่เป็น
เสื้อติดกระดุม (ไม่เอาเสื้อคอกลม สวมหัวต่างๆ)
เพราะหลังผ่าและนอนรพ. 1 คืนเราจะใส่เสื้อตัวนั้น
กลับนั่นเอง เรานั่งรถใต้ดินไปถึงรพ.ตอนประมาณ 9.30 น.
พอดิบพอดี พอไปถึงเราก็ขึ้นไปเปลี่ยนใส่ชุดคลุมของรพ.
แล้วก็เข้าไปถ่ายรูปหน้าสดเก็บไว้เป็นที่ระลึกก่อน 5555
จากนั้นพี่จือมาให้เรากรอกชาร์ตเช็คลิสต์ก่อนผ่าตัด
ว่าเรางดน้ำ งดอาหารตอนกี่โมง ถอดคอนแทคเลนส์
หรือมีใส่ฟันปลอมมั้ย ฯลฯ
จากเราก็ลงมาชั้นล่างที่เป็นชั้นผ่าตัด เราเดินเข้าห้องผ่าตัด
กับพี่จือด้วยความตื่นเต้น ตึกตัก ตึกตัก.... พอขึ้นนอนบนเตียง
ก็มีพยาบาลมาเจาะเข็มที่มือซ้าย พยาบาลเกาหลีถามชาร์ตที่พี่จือถามอีกรอบ จากนั้นพี่จือก็บอกว่าคุณหมอดมยามาแล้ว
โอ้ว..... ยังไม่ทันตื่นเต้นต่อ แปปนึงก็มีหน้ากากมาครอบที่หน้า
เราสูดยาไป3ฝืดก็ไม่รู้ตัวแล้วจ้า
คร่อกก....zZzZ
รู้สึกตัว ตื่นมาอีกทีมีพี่ล่ามคนไทย (มารู้ทีหลังว่าพี่เขาชื่อพลลี่)
มานั่งข้างๆ คอยบอกว่าลืมตานะคะ... ห้ามหลับนะคะ
เขาบอกว่าเราพึ่งออกจากห้องผ่าตัดมา 15 นาที
ตอนนี้ให้สูดหายใจเข้าออกลึกๆ เพื่อขับก๊าซยาสลบ
ออกมาแล้วก็ห้ามหลับด้วย เรารู้สึกมีเสมหะ แล้วก็
ตาเพลียๆ เผลอหลับตาบ้างเป็นพักๆ พี่พลลี่ก็จะคอย
พูดว่าห้ามหลับนะคะ พยาบาลเกาหลีดูดุๆก็
จะเดินมาเพ่งๆมองๆเป็นครั้งไป
(พยาบาล:หลับหรอ! เราก็เบิ่งตา :เปล๊านะ! O_O)
จุดนี้แหละที่น่าจะทรมานที่สุด
สำหรับคนที่กลัวการผ่า กลัวเจ็บเราบอกเลยว่าตอนผ่าชิวมากก
เพราะหลับไม่รู้ตัว ดมยาสามทีก็หลับแล้ว แต่จุดที่จะทรมาน
คือหลังจากตื่นมาแปปนึงที่ต้องสู้กับอาการง่วง +
มึนยา + ปากบวม มีสายเดรนเลือดออกมาจากปาก
แล้วก็เจ็บคอ เพราะตอนวางยาต้องมีการสอด
สายออกซิเจนเข้าไปในคอ แต่ไม่เจ็บไม่ปวดหน้าเท่าไหร่
ต้องสู้กับอาการเหล่านี้ชั่วโมงนึงถึงจะนอนพักได้
สักพักพี่พลลี่บอกว่าย้ายเข้าห้องพักได้ แต่ที่นี่จะให้เราเดิน
ไปเองนะถ้าเดินไหว เราก็ค่อยๆลุก มีพี่พลลี่กับพยาบาล
คอยพยุงเดิน พอเดินมาถึงห้อง ก็เจอนุ่นเพื่อนเรา
ยืนถือกล้องถ่ายคลิปรออยู่ ตอนนั้นแอบคิดในใจ โอโห
รู้งานเว่อร์ 5555 พอเข้าไปในห้องเราก็ขึ้นไปนอน
บนเตียงแบบมึนๆแต่ต้องพยายามไม่หลับไปอีกชั่วโมง
จากนั้นพี่ล่ามก็อธิบายว่าต้องดูแลตัวเองยังไงบ้าง
เสร็จแล้วก็มีพี่นพเป็นพี่คนไทยจากรพ.เข้ามาให้คำแนะนำต่อ
อาการหลังผ่าตัด พอครบเวลา 1 ชั่วโมงที่ห้ามหลับ
ก็สบายตัวละ นอนพักได้ จุดนี้เราจะง่วงมว้ากกก
เราก็หลับไปประมาณ 2-3 ชั่วโมง ตื่นมาก็รู้สึกดีขึ้นเยอะมาก
กระปี้กระเปล่า เราลุกขึ้นมาบ้วนปากก่อน แล้วก็ลองค่อยๆ
เดินไปหยิบไอซ์แพ็คเองที่ตู้เย็นข้างนอกห้อง ซึ่งพี่เขา
บอกว่าเราควรบ้วนปากทุก 2 ชม. เพราะเรามีแผลในปาก
แล้วก็ประคบเย็นเรื่อยๆ
สักแปปเราก็ง่วงอีก เราเลยนอนต่อ เราตื่นมากินนมไป
อีกรอบคราวนี้รู้สึกพะอืดพะอม แต่อาเจียนไม่ออก
ซึ่งเป็นอาการปกติ อาจจะเกิดจากการวางยาสลบ
เราก็เลยนอนต่อ พอตื่นมา 3 ทุ่มกว่าๆ ประตูรพ.ปิด 4 ทุ่ม
เราเลยบอกให้นุ่นกลับไปก่อน นุ่นก็กลับไปนอนโรงแรม
คืนนั้นที่รพ.คนเดียว ตอนแรกก็กลัวๆนะเพราะอยู่คนเดียว
เราก็เลยนอนต่อแล้วตั้งนาฬิกาปลุกให้ปลุกทุก 2 ชม.
มาบ้วนปากกับเปลี่ยนไอซ์แพ็ค แล้วก็ลุกไปเข้าห้องน้ำ
เพราะชอบปวดฉี่ (ซึ่งจริงๆพึ่งมารู้ว่าตอนกลางคืนไม่ต้อง
บ้วนทุกสองชม.ขนาดนั้นก็ได้ 555 ก็ว่าทำไมมีแต่เราคนเดียว
ที่ลุกขึ้นมาตอนดึกๆ) ซึ่งเรามีตื่นมาอาเจียนไปรอบนึง
หลังจากอาเจียนจะรู้สึกดีขึ้นมว้ากกก
แบบหัวหายตึ้บ สบายตัว
คืนแรกหลังการผ่าตัดผ่านไป...
เอาจริงพอผ่านคืนแรกไปได้ทุกอย่างก็ค่อยๆสบายตัวขึ้นนะ
หลังจากนั้นจะเป็นอย่างไร รอติดตามตอนต่อไปนะคะ ^^