รีวิวทำคางครั้งแรกในชีวิต - ดั้งโด่งดอทคอม

เก็กสวยหน่อย แต่หน้าก็ยังดูดุ

หน้ามุมตรง คางสั้นมากค่ะ

มุมข้าง คางสั้นมากๆ ค่ะ

“คือเราเคยเสริมจมูกซิลิโคน กับที่คลินิกนี่มาก่อนแล้ว ตอนนั้นทำไปราคา 20,000 ต้นๆ รวมค่ายาแล้ว ครั้งนี้เราอยากเสริมคาง เพราะส่วนตัวเป็นคนที่หน้าค่อนข้างกลมและมีคางสั้นค่ะ แบบคางตัดไปเลย เราเรียนใกล้จบแล้ว แล้วอยากทำงานในสายวงการเดินแบบ ซึ่งต้องใช้หน้าตาระดับหนึ่งค่ะ เราเลยอยากเสริมคางเพื่อให้หน้าเรียวขึ้น และดูบุคลิกดีขึ้นค่ะ อีกอย่างพอคางสั้นหน้าเราจะดูงอๆ เหมือนงอนใครอยู่ตลอดเวลา รู้สึกเสียบุคลิกมากๆ ก่อนทำเราต้องเข้าไปปรึกษากับคุณหมอที่คลินิกก่อน ครั้งนี้เราขอใช้บริการจากคุณหมอต้น ชนกร เตือนอารีย์ เหมือนเดิม ครั้งนี้ไปถึงทางพี่ๆ พนักงานจะมีประวัติของเราอยู่แล้ว ก็นั่งรอพี่เค้าเรียกชื่อเราได้เลย รอประมาณ 1 ชั่วโมงได้(เราไปรอตั้งแต่ สิบเอ็ดโมงได้เข้าปรึกษาตอนเที่ยง) พี่เค้าก็มาเรียกให้ขึ้นไปปรึกษาหมอ เข้าไปหมอก็ทักเรื่องจมูกว่าเป็นยังไงบ้าง มีเช็คจมูกให้ด้วย (รู้สึกดีที่หมอเค้าจำเราได้ด้วย) ทีนี่หมอก็ถามความต้องการเราว่าอยากได้แบบไหน เราบอกว่าอยากได้แบบที่ทำให้หน้าดูเรียว เพราะปกติหน้าก็ค่อนข้างกลมอยู่แล้วค่ะ อยากถ่ายรูปออกมาแล้วหน้าดูไม่บึ้ง หมอก็เอาซิลิโคนออกมาให้เราดู แล้วก็แนะนำว่าแบบไหนเหมาะกับเรา ซึ่งของเราหมอแนะนำเป็นแบบรูปข้างล่างค่ะ พอลงมาข้างล่างก็ทำเรื่องจ่ายค่ามัดจำ ทางพี่เค้าก็อธิบายวิธีการใช้ยา การดูแลรักษา การประคบ การทายาบลาๆๆ แล้วก็นัดวันทำคางมาค่ะ”

คางซิลิโคนแบบนี้ค่ะ ขอเอารูปจากกูเกิ้ลมาให้ดูนะคะ
“ถึงวันทำคางมาถึงคลินิก พี่ๆ พนักงาน ก็ให้ชำระเงินส่วนที่เหลือแล้วพาเราไป ขึ้นชั้นบน ไปล้างหน้า เก็บผม ใส่ชุดคลุม แล้วก็นั่งรออีกห้องนึงในคลินิก รอประมาณ 2 ชั่วโมงได้ เร็วกว่าตอนทำจมูกนิดหน่อย พี่เค้าก็มาพาเราไปห้องผ่าตัดค่ะ ถึงเวลาขึ้นเขียงงงงง เรานอนรอบนเตียงรอเลย เพราะรู้งานแล้ว555 หมอก็มาคุยกับเราว่าจะเอาซิลิโคนไว้ตรงนี้นะ ออกมาแล้วหน้าจะบวมนะอย่าเพิ่งตกใจ แล้วคุณหมอจะทำแบบแผลข้างนอกให้ แต่แผลจะไม่กว้างและมองไม่เห็นเพราะซ่อนอยู่ใต้คาง เราก็พยักหน้าหงึกๆ หลังจากนั้นหมอก็มาวาดๆ มาร์กจุดไว้ จากนั้นเรารู้สึกตื่นเต้นนิดหน่อยค่ะ เพราะหมอจะฉีดยาสลบให้เรา(มารู้ทีหลังว่าเป็นยาที่ทำให้เบลอ) แต่ไม่ได้ตกใจมากเพราะตอนทำจมูกไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ครั้งนี้เลยฉีดแค่ครั้งเดียวก็จบเลย เราก็หลับไปอีกแล้ว ตื่นขึ้นมาอีกที หมอกำลังเย็บแผลอยู่เลย โอ้ววว ตื่นเร็วอีกแล้วแต่ดีที่ไม่ตื่นตอนหมอกำลังยัดซิลิโคน 555 ครั้งนี้ไม่เจ็บ ไม่เสียวเหมือนตอนทำจมูก แต่ตึงมากๆ อ่ะ แล้วเสร็จทุกอย่างพยาบาลก็พาไปนั่งพักที่ห้องพัก เราไม่ได้รู้สึกแย่อะไรก็นั่งแค่แปปเดียว พี่ๆ พนักงานก็พาลงมารับยาและบอกวิธีการดูแลหลังทำ การประคบเย็น การดูแลแผล ประมาณนี้ค่ะ แล้วเสร็จเราก็กลับบ้านเลยค่ะ ถึงบ้านเร็วมากๆ เพราะนั่ง Bts กลับ 555”

มาดูการเปลี่ยนแปลงกันเลยค่ะ

กลับมาบ้านก็ถ่ายรูปไว้เลยค่ะ หน้าไม่บวมเท่าไหร่

รวมให้ดู 6 วันค่ะ วันที่ 2 บวมมากๆ เหมือนเป็นคางทูมเลย อยากร้องไห้TT

ตัดไหมแล้วค่ะ แอบตกใจคางเขียว แต่ไม่ค่อยบวมแล้วค่ะ

ครบ 10 วัน 20 วัน และ 1 เดือนค่ะ
“เราเป็นคนช้ำง่าย เลยต้องคอยประคบเย็น และประคบอุ่นอยู่เรื่อย เพราะหลังทำช่วงแรก หน้าเราค่อนข้างบวม หลังจากถอดผ้าก็เห็นรอยช้ำเลยต้องประคบร้อน แต่พอไปพบหมออีกครั้ง หมอบอกว่า 2-3 เดือนก็จะเข้าที่และจะไม่บวม หากเราดูแลไม่ดีอาจทำให้คางเบี้ยวได้ ฉะนั้นห้ามเท้าคางหรือจับคางแรงๆ ในช่วงนี้”

ครบ 2 เดือน

ครบ 3 เดือน

ครบ 4 เดือน

ปัจจุบันค่ะ
“ความประทับใจครั้งนี้คือชอบในการบริการของพี่ๆ พนักงาน พยาบาล และคุณหมอค่ะ คือเราก็กังวลเรื่องคางมากๆ ในช่วงแรก เพราะหน้าบวมมากๆ เราก็กลัวคางจะเบี้ยว กลัวติดเชื้อ เราก็จะไลน์ไปถามพี่พนักงานตลอดซึ่งพี่เค้าแนะนำดีมากๆ แถมตอนไปพบคุณหมอ คุณหมอตรวจละเอียดมากๆ ที่นี่มีชื่อเสียงมากดูน่าเชื่อถือ มีใบประกอบการจริงๆ และดีจริงๆ เราถึงติดใจกลับมาใช้บริการที่นี่อีก ตอนนี้ 5 เดือนแล้วค่ะหน้าดูเรียวและหวานขึ้นมาก ไม่ได้มโนเพราะมีแต่คนทัก 555 ช่วงนี้ก็แคสงานไปเรื่อยๆ ค่ะ ถ้ามีโอกาสได้งาน จะมาอวดให้ดูนะคะ ”

สุดท้ายฝากรูปก่อนหลังทำคางไว้เผื่อสงสัยว่าก่อนทำหน้าตาเปลี่ยนไปมากมั้ย เราเอามาเปรียบเทียบกันเลย 55555 แล้วก็ใครอยากลองคุยกับคุณหมอสามารถนัดคิวทาง Line @mastepiececlinic ได้เลยค่ะ