ตามหัวข้อเลยนะค้า วันนี้แก้วจะมาแชร์ประสบการณ์รีวิวการฉีดฟิลเลอร์
เริ่มต้นจากที่ตัวแก้วเองเริ่มกังวลเรื่องของริ้วรอยบนหน้าที่ค่อนข้างชัดขึ้น ทั้งที่อายุก็ไม่เท่าไหร่เอง T^T
ส่องกระจกแล้วหงุดหงิดใจทุกทีเวลาลาเห็นรอยใต้ตาหรือร่องแก้ม
มีแวบนึงคิดขึ้นมาในหัวว่า " หรือจะพึ่งฟิลเลอร์ดี "
แต่เนื่องจาก
ไม่เคยฉีดอะไรบนหน้าเลย
และบวกกับข่าวด้านลบเกี่ยวกับการฉีดสารต่างๆบนใบหน้า
ทำให้แก้วค่อนข้างกังวลมาก
จึงหาข้อมูลอยู่นานมากเพื่อประกอบการตัดสินใจ
จนได้มาเจอคลีนิคนึงในเว็บไซต์แฟนเพจเค้า
จังหวะกับตอนนั้นทางเพจกำลัง live สดการฉีดฟิลเลอร์อยู่พอดีเป๊ะ
เราเลยเริ่มสนใจนั่งดูอยู่พักใหญ่
ก็เลยตัดสินใจว่า จะฉีดครั้งแรกกับคลีนิคนี้แหล่ะ !!
แก้วก็ได้เก็บรูปภาพและประสบการณ์กับการฉีดครั้งนี้มาเยอะพอสมควร จะเป็นอย่างไรไปดูกันเลยค่าาา
คลีนิค Amarate อยู่เซ็นทรัลบางนา ชั้น 5 ถามว่าไกลบ้านมั้ย ไกลค่ะ! 555
ตัดภาพมาเช้าวันรุ่งขึ้นเรายืนอยู่หน้าคลีนิคแล้ว!
เปิดเข้ามาภายในคลีนิค จริงๆจะมีพนักงานยิ้มแย้มคอยต้อนรับเราเป็นอย่างดี แต่เราอาศัยถ่ายช่วงที่พนักงานไม่อยู่หน้าฟร้อนค่ะ
คลีนิคจะเป็นเหมือนคลีนิคเสริมความงามทั่วไปคือมีเนื้อที่จำกัด
แต่ที่นี่ดูจัดวางทุกอย่างได้ดี เป็นระเบียบ สะอาดสะอ้านค่ะ
ตอนนั้นที่เราไปประมาณ 10.30 น.เช้ามาก เพราะตื่นเต้นนอนไม่หลับ
คลีนิคเพิ่งเปิดเลย คนก็จะไม่ค่อยพลุกพล่านมาก
ตาเราไปสะดุดเห็นประกาศษณียบัตรเยอะแยะมากมาก
ใบอนุญาติของคุณหมอต้นที่เราจะเจอวันนี้
พี่ๆพนักงานเชิญเรามานั่งด้านในเตรียมกรอกข้อมูล
ระหว่างนั่งเราก็นั่งหาข้อมูลไปด้วย
( ดูจากสีหน้าค่อนข้างกลัว555 )
อันดับต่อไปคือเข้าปรึกษาหมอ ระหว่างรอเราก็ได้ถ่ายเครื่องมือต่างๆ
และบรรยากาศมาให้ดู
เครื่องมือครบถ้วนทันสมัยดี
มีใบอนุญาติคุณหมอติดอยู่หน้าห้องด้วย
ลูกแก้วสู้ๆ ไม่กลัวเล้ยยย ( สังเกตุใต้ตา บวมเป่งเป็นร่องลึกมาก )
และในที่สุด เราก็ได้เข้าพบคุณหมอต้นค่าาาา คุณหมอหล่อกว่าในรูปมากสุภาพเรียบร้อย
คือจะบอกว่าเรารัวคำถามใส่คุณหมอไปเยอะมากกกกกกก
คุณหมอต้นก็ใจดีมากกตอบทุกคำถาม
และคุณหมอต้นได้ให้คำแนะนำเราว่าควรจะแก้ไขเรื่องปัญหาใต้ตาเป็นอับแรกก่อน
เพราะใต้ตามีปัญหาค่อนข้างเยอะ
ส่วนเรื่องของร่องแก้มหลังจากฉีดใต้ตาแล้วจะดีขึ้นบ้างเล็กน้อยค่อยว่ากันที่หลังค่ะ
แก้วบอกคุณหมอไปตามตรงว่า แก้วไม่เคยฉีดฟิลเลอร์และค่อนข้างกังวลมาก
เพราะใต้ตาเป็นจุดที่แก้วคิดว่าค่อนข้างหน้ากลัว
แต่คุณหมอตอบคำถามด้วยประสบการณ์ตรงตอบแก้วละเอียดมาก
คำถามหลักๆที่แก้วถามตอบกับคุณหมอก็ประมาณว่า
การฉีดฟิลเลอร์ใต้ตาเสี่ยงตาบอดมั้ย ? มันจะมีผลข้างเคียงระยะยาวมั้ย ? เจ็บมากมั้ย ?
ฉีดอย่างไร? ฉีดกี่ซีซี ต้องบอกเลยว่า 108 คำถามรัวใส่คุณหมอ 555
แต่คุณหมอต้นน่ารักมาก อธิบายให้เราฟังเกี่ยวกับความกังวลของเรา
การฉีดใต้ตามีที่มีเปอร์เซ็นเสี่ยงตาบอดเพราะเกิดจากหมอที่ไม่มีความชำนาญและใช้เข็มปลายแหลมในการฉีด แต่คุณหมอต้นจะใช้เข็มทู่เพราะฉะนั้นความเสี่ยงแทบจะไม่มี
และได้สรุปการรักษาของเราคือ ฉีดฟิลเลอร์เติมบริเวณใต้ตา ประมาณ 1-2 ซีซี ( แต่ตอนฉีดจริงๆคุณหมอใช้เพียง 1 ซีซีเท่านั้น ) และยกกระชบบริเวณใต้ตานิดหน่อย
เมื่อตกลงกันเสร็จเรียบร้อยเราก็ไม่รอช้าค่ะ เริ่มขั้นตอนกันเลย
** มีต่อในคอมเม้นต์ค่าา ***
ขั้นตอนแรกคือการคลีนหน้าจากเครื่องสำอางค์ให้สะอาด ( เหลือบริเวณคิ้วไว้ )
จากนั้นขึ้นเก้าอี้เพื่อให้คุณหมอวิเคราะห์ปัญหาและวางแผนก่อนลงเข็มค่ะ
ในใจตอนนอนนี่คือกลัวมากกก แต่มาขนาดนี้แล้วต้องสู้ค่ะ55555
( เงาสะท้อนนั่นคือคนช่วยถ่ายรูปให้เราและพี่พนักงานค่ะ )
จากนั้นคุณหมอก็จัดการไปเตรียมยาและอุปกรณ์พร้อมอธิบายเกี่ยวกับมาตรฐานของตัวยาและอธิบายว่าจะใช้ตัวยาที่มีความหนาแน่นประมาณไหนเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ออกมา
ดูเป็นธรรมชาติที่สุด ( คุณหมอใส่ใจมากค่ะ )
และแล้ว เข็มแรกก็ลงบนหน้าเราเรียบร้อย เป็นเข็มของยาชานั่นเอง
ให้ความรู้สึกจี้ดๆ แต่นับ 1-10 ในใจก็เสร็จ
ขอย้ำแรงๆว่า คุณหมอมือเบามากกกกกกกกก
และเมื่อฉีดยาชาทั้งสองข้างเสร็จขั้นตอนต่อไปคือการเจาะเพื่อเปิดผิว ( เค้าเรียกแบบนี้มั้ย )555
ตอนแรกกลัวมากกก แต่พอเอาเข้าจริงคุณผู้ชมขาาาา นาทีนั้นคิดในหัวละค่ะว่าครั้งต่อไปฉีดตรงไหนดี555555
ขั้นตอนนี้เป็นการเริ่มฉีดฟีลเลอร์และนวดไปเรื่อยๆ คุณหมอบอกว่าฝั่งขวาของเรานั้นมีปัญหามากว่าฝั่งซ้าย (อ้างอิงจากฝั่งของคุณหมอนะคะ )
เพราะโหนกแก้มไม่เท่ากันคุณหมอต้น ละเอียดมาก นิดๆหน่อยไม่ปล่อยผ่าน เก็บทุกรายละเอียดค่ะบอกเลย
การฉีดฟิลเลอร์ดำเนินไปพร้อมๆกับการพูดคุยค่ะ ชิลแค่ไหนถามใจเธอดู55555
อยู่ที่ข้างซ้ายประมาณ 15 นาทีจากนั้นย้ายมาข้างขวา (อ้างอิงจากฝั่งของคุณหมอ )
จะเห็นได้ชัดว่าข้างซ้ายร่องใต้ตาเต็มแล้ว
แต่คุณหมอต้นบอกว่า ยังต้องกลับมาเก็บรายละเอียดให้เป๊ะอีกรอบนึง
คุณหมอละเอียดมากจริงๆค่ะ
เห็นจุดแดงๆข้างขวามั้ยคะ นั่นแหละค่ะ รอยเข็ม มีแค่นั้นจริงๆ
เมือฉีดสองข้างครบ คุณหมอก็กลับมาเก็บรายละเอียดอีกรอบเพือให้เป็นธรรมชาติมากขึ้น
กรณีของแก้วคุณหมอบอกว่าอายุยังไม่มากใช้ฟิลเลอร์เพียง 1 CC เท่านั้น
และยังมีฟิลเลอร์เหลือมาเติมชั้นผิวให้ดูเหมือนผิวอิ่มน้ำอีกด้วยค่ะ
แท๊แด่นนนนน เสร็จเรียบร้อยแล้วค่าาา แต่ทำไมตากล้องไม่โฟกัสที่หน้าหนู5555
จากที่เห็นตรงบริเวณข้างๆแก้วทั้งสองฝั่งจะมีจุดอยู่สองจุดเล็กๆ
นั่นคือจุดของรอยเข็ม เล็กมากกกค่ะ ใช้เวลาวันเดียวก็หายดี
และจะเห็นได้ว่า ร่องอารยธรรมใต้ตาของแก้วหายไปอย่างเห็นได้ชัด