ดั้งโด่งดอทคอม
ชื่อกระทู้:
ผ่าตัดแก้จมูกฟิลเลอร์กับหมออรรถพันธ์ ณพลักษณ์คลินิค
[สั่งพิมพ์]
โดย:
ฺBayLeaf
เวลา:
2015-1-6 20:14
ชื่อกระทู้:
ผ่าตัดแก้จมูกฟิลเลอร์กับหมออรรถพันธ์ ณพลักษณ์คลินิค
สวัสดีค่ะ เมื่อ 8 พ.ย.2556 เป็นวันที่เราผ่าตัดแก้จมูกฟิลเลอร์กับหมออรรถพันธ์ ณพลักษณ์คลินิก ตอนนี้ครบปีกว่าๆพอดี เพิ่งมีโอกาสมารีวิว เรารู้จักคลินิคดีๆที่ช่วยเราไว้แห่งนี้เพราะบรรดารีวิวทั้งหลายในบอร์ดนี้เช่นกันเลยทำให้เราปลอดภัยจากพวกสารฉีดต่างๆ เราเลยขอบอกต่อผลจากการผ่าตัดในระยะยาวหลังจากผ่าตัดเพื่อเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆค่ะ
แรกเริ่มเดิมทีก่อนผ่าตัดเรามีอากรเจ็บจมูกตรงดั้ง เจ็บๆหายๆมาเป็นปีๆ ไม่ได้เอะใจเลยว่าเพราะอะไร พอหายไปก็ไม่ได้สนใจ หลังๆสังเกตได้ว่ามีเส้นเลือดฝอยตรงดั้งจมูกชัดเจนมากขึ้น รวมทั้งอาการเจ็บจมูกก็กลายเป็นเจ็บทุกวัน จี๊ดๆเหมือนมีอะไรมาทับดั้ง ไปหาหมอหูคอจมูกก็ไม่หาย หลังๆเลยนึกขึ้นได้ว่าอาจจะเป็นเพราะ filler ตอนนั้นข่าวfiller ทำจมูกเน่านี่ดังขึ้นมาพอดี เลยยิ่งกลัว หาข้อมูลในinternetดู โป๊ะเช๊ะเลยค่ะ ตรงกับที่หลายๆคนเขียนรีวิวไว้ เห็นหลายคนไปผ่าแก้ที่โน่นที่นี่มากลายเป็นแย่กว่าเดิมบ้าง ไม่หายขาดบ้าง เพราะฉะนั้นรีวิวของณพลักษณ์คลินิกในบอร์ดนี้เป็นที่เดียวที่ออกมา 100% และมีเพื่อนทำจมูกแนะนำมา เลยทำให้เราตัดสินใจขอฝากความหวังไว้กับที่นี่
นัดคิวเสร็จเรียบร้อย เข้าไปครั้งแรกวันนั้นคนเยอะมาก และคลินิกสะอาดมาก คุณหมอโผล่หน้าออกมาทักทายว่าคนเยอะหน่อยนะครับ และให้อ่านเอกสารละเอียดมาก พอถึงคิวคุณเฟี้ยตจับดูว่ามีfiller ค้างอยู่เป็นก้อนเลยค่ะ แต่ระหว่างนั้นเรามีปัญหาสุขภาพอื่นๆด้วย ขึ้นเครื่องบินแล้วจมูกแน่นหูอื้อพื้นเอียงตลอด คุณเฟี๊ยตเลยบอกให้เราใจเย็นๆ และให้ไปrecheckพร้อมรักษาเรื่องอื่นๆก่อน แล้วกลับมานัดวันผ่าตัดใหม่อีกรอบ ซึ่งตรงนี้เป็นอะไรที่รอบคอบมาก หลายคนอาจจะกลัวคุณเฟี้ยต เพราะท่านเป็นคนเสียงดัง แต่ขอยืนยันว่าท่านเป็นคนที่น่ารักมาก จริงใจ ตรงไปตรงมา ได้ก็บอกว่าได้ ไม่ได้ก็บอกว่าไม่ได้ ดีก็บอกเลยว่าดี ไม่ดีก็บอกตรงๆว่าไม่ดี และที่สำคัญคือความใส่ใจในแต่ละเคสเยอะมาก จะหาใครที่เอาใจเราแบบลูกค้าหาไม่ยาก แต่หาใครที่ดูแลห่วงใยเราแบบญาติผู้ใหญ่นี่หายากนะคะ ก่อนผ่าตัดเอารูปทรงจมูกนางแบบไปให้คุณเฟี้ยตดู คุณเฟี้ยบบอกว่าไม่เวิร์ค นางแบบเค้าหน้าแปลก หน้าเรียวด้วย ส่วนเธอหน้ากลม แถมยังหน้าเบี้ยว มีhumpตรงจมูก เดี๋ยวชั้นเหลาให้ดูดีในแบบของเธอดีกว่า รับรองสวย
โดย:
ฺBayLeaf
เวลา:
2015-1-6 20:16
(ต่อค่ะ)
ส่วนขั้นตอนปฏิบัติก่อนผ่าตัดขอข้ามไปนะคะ มีรีวิวอื่นๆเขียนไว้ละเอียดมากแล้ว ขอเสริมแค่ที่ดูหยุมหยิมยุ่งยากเยอะแยะเพราะนี่เป็นเคสแก้ เป็นความใส่ใจและความปลอดภัยของตัวเราเองค่ะ คุณหมอช่วยเอาเคสก่อนๆจากผู้ป่วยมาระวังให้เรา
ก่อนผ่าตัดเป็นอะไรที่อาเพศมาก ช่วงนั้นหน้าหนาวแต่แดดแรงอากาศร้อนมาก เราอยู่ที่สลับร้อนเย็นห้องแอร์กับไม่แอร์ตลอดเวลา คล้ายๆว่าจะเป็นหวัด หลังจากนั้น2วันมีสิวผดขึ้นแก้มเหมือนแพ้อะไรมา ทั้งที่ปกติไม่เคยเป็น รีบโทรไปหาคุณเฟี้ยต คุณเฟี้ยตแนะนำให้เอาน้ำผึ้งเย็นกับดินสอพองทา อย่าทายาแก้สิวยาเคมีเพราะเดี๋ยวล้างหน้าแล้วจะยิ่งแสบ ปรากฏดีขึ้นค่ะ แต่ก่อนวันผ่าตัดเครียดมากเพราะไม่เคยผ่าตัดอะไรมาก่อน แถมเจ็บจมูกทุกวัน (นี่เครียดสุด กลัวเกิดเหตุไม่ได้ผ่าต้องต่อคิวใหม่อีก 6เดือนจมูกเน่าแน่ เพราะแค่ตอนนี้สารตกค้างข้างในก็อักเสบแล้ว)
วันนัดผ่า อยู่ดีๆความดันขึ้นสูงมาก ชีพจรเต้นแรงมาก คล้ายคลื่นไส้อาเจียนตลอดเวลา ไม่รู้ว่าเครียดหรือแพ้ยา เจอหน้าคุณหมออรรถพันธุ์ คุณหมอใจดีและใจเย็นมากค่ะ ท่านจับชีพจรที่ข้อมือดู และจับแม่นมากไม่ต่างจากวัดเครื่อง บอกว่าความดันสูงมากจริงด้วย แล้วค่อยๆชวนคุย นั่งรอให้ใจร่มๆ ให้หลับตาหายใจลึกๆ บอกว่าท่านรับคนไข้วันละเคสเท่านั้น เราเป็นหมอคนไข้กันแล้ว ผมจะพยายามทำทุกทางให้ผ่าได้ ไม่มีการถอดใจให้กลับไปง่ายๆเด็ดขาด ถ้ายังไงก็นั่งรอไปพร้อมกันนี่แหละ อยู่ในมือผมแล้วไม่ต้องกลัว ผ่านไป 20 นาที ความดันลดค่ะ วัด3รอบลดลงทุกรอบ คุณหมอเลยสรุปว่าเป็นเพราะความเครียด เพราะถ้าแพ้ยาความดันจะไม่ค่อยๆลดลงเร็วแบบนี้ ระหว่างนั้นคุณหมอต้องกลายเป็นจิตแพทย์ไปด้วย เพราะอาการกลัวห้องผ่าตัดเรารุนแรงจริง ผ่านไปชม.ครึ่ง จากจิตแพทย์กลายเป็นศัลย์แพทย์ดังเดิม
ขั้นตอนการผ่าก็เหมือนคนอื่นๆค่ะเพราะฉะนั้นขอไปคร่าวๆเร็วๆ คือล้างหน้า 5 รอบ และคุณหมอมือเบามาก ฉีดยาชาไม่เจ็บสมคำร่ำลือ อธิบายทุกขึ้นตอนที่ท่านกำลังทำ ให้เราต้องช่วยคุณหมอโดยกลืนยาที่ขมหน่อยๆแต่ไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรงค่ะ ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ยังคงแฮปปี้ดี คุณหมอทำงานหนักรบกับfillerอยู่ 5 ชั่วโมงครึ่ง แต่สำหรับคนถูกผ่านี่ชิวมากสั้นๆคือ “ไปนอนฟังเพลง”ค่ะ
ส่วนตอนใส่ซิลิโคน ของเราคุณหมอบอกว่าอาจจะใส่ให้ไม่ได้เพราะผิวหนังบาง ไม่ต้องเสียใจนะครับ และให้เรียกคุณเฟี้ยตมาดู คุณเฟี้ยตส่องดูบอกผิวหนังบางด้านข้าง แต่ด้านหน้ายังพอได้ ก็เลยเหลาซิลิโคนให้ค่ะ ซึ่งถือว่าเคสเราโชคดีเลยเพราะfilerตกค้างอยู่ 5ปีเป็นอย่างน้อย คุณหมอเอาออกให้หมดแล้ว ส่วนคุณเฟี้ยตเหลาซิลิโคนทาบวัดอยู่หลายรอบเพราะเราเป็นคนหน้าเบี้ยว และมี humpตรงจมูก ส่วนเราขอแบบดูเป็นธรรมชาติ ไม่ต้องโด่งพุ่งเพราะผิวหนังบางและหน้าเบี้ยวถ้าโด่งจะเห็นได้ชัด
หลังผ่าตัดเสร็จคุณหมอเอาชิ้นเนื้อออกมาให้ดู แข็งเป็นหินเลยค่ะ คุณหมอบอกเป็นซิลิโคนเหลว น่าจะโดนหมอเถื่อนหลอกฉีดมา ที่เจ็บจมูกทุกวันเพราะไอ้เจ้าเม็ดแข็งๆนี่ไปกดทับเนื้อ มีไหลเปื้อนตาซ้ายนิดหน่อย แต่เอาออกไปได้ 98% ที่เหลืออยู่ก็น้อยมากจนทำอะไรเราไม่ได้ อยู่ขึ้นปลอดภัยแล้ว
โดย:
ฺBayLeaf
เวลา:
2015-1-6 20:18
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ฺBayLeaf เมื่อ 2015-1-6 20:28
(ต่อค่ะ)
ต่อมาเป็นเรื่องการดูแลหลังผ่าตัด สิ่งสำคัญคืออาหารค่ะ วันแรกที่เราไปปรึกษา ได้เจอพี่คนหนึ่ง ขออนุญาตเอ่ยชื่อว่า ชื่อพี่นุ้ย คุณเฟี้ยตเรียกให้ดูเป็นตัวอย่างว่ายุบบวมเร็วมาก เพราะเขากินอาหารแบบเคร่งครัดจริงๆ ผักต้มเปล่าๆ ไม่ใส่โซเดียมซีอิ๊วเกลือเครื่องปรุงรสเลย แล้วออกกำลังกายตลอดเวลา ส่วนเคสเราคุณหมอให้เพิ่มน้ำหนัก ก็กินผักผัดน้ำมันไม่ใส่เกลือซีอิ๊วอะไรเลย ปลาทอดเปล่าๆไม่ปรุงรส คือจืดมากกกกกกกก ทนจืดมา 2 อาทิตย์ แล้วยุบเร็วอย่างว่าเลยค่ะ อาหารสำคัญมากจริงๆ ทั้งที่เราไม่ค่อยได้ออกกำลังกายเลยด้วยซ้ำ
ส่วนเรื่องนอนให้นั่งหลับ 2อาทิตย์ อันนี้เราลำบากกว่าเรื่องกิน ใช้หมอนซ้อน3ใบเป็นแนวนอน –ตั้ง-นอน แล้วนั่งพิงหลับ พร้อมหมอนล็อคคอเม็ดบีด แต่หลายวันเข้าก็เริ่มปวดหลัง พ้น2อาทิตย์เลยขอคุณเฟี้ยตว่าไม่นั่งหลับแล้วนะคะ คุณเฟี้ยตอนุญาต และบอกให้นอนตะแคงซ้าย เพราะดูจากมุมซิลิโคนไหลไปด้านขวา จุดนั้นไม่กลัวจมูกเบี้ยวแล้วค่ะ ขอนอนนนน ซึ่งก็ไม่เบี้ยวอะไรนะคะ นอนสบายเลย เอาตามที่คุณเฟี้ยตคุณหมอบอกไว้ดีที่สุดค่ะ
ตั้งแต่วันผ่าตัดสิ่งที่ลำบากอีกสิ่งหนึ่งคือต้องทนคัดจมูกไปก่อน ห้ามแคะเด็ดขาด เดี๋ยวอักเสบ อันนี้สำคัญมากนะคะ ระหว่างนั้นหายใจลำบากก็อาศัยหายใจทางปากช่วยเอา พอไปตามนัดคุณหมอดูแผลแล้วจะจัดการให้เอง เราไม่เคยแคะจมูกแต่ อยู่ดีๆมีน้ำใสๆไหลออกมา ตกใจรีบโทรหาคลินิก คุณเฟี้ยตเรียกเข้ามาดูด่วน ปรากฏสะเก็ดหลุดไม่มีอะไรร้ายแรง ล้างแผลแล้วก็ปล่อยกลับบ้านไป ส่วนเราจนบัดนี้หลังผ่าตัด1ปีกว่ายังไม่กล้าใช้นิ้วแคะจมูกอีกเลย อาศัยใช้น้ำเกลือล้างแผลหยอดเอา แล้วค่อยใช้คัตตอนบัตชุดน้ำเกลือจนนิ่มค่อยๆเช็ดๆในรูจมูกแทนค่ะ เช็ดเบาๆ และสำลีต้องเปียกชุ่มจริงๆ ผ่านมา1ปีจนบัดนี้ยังไม่มีปัญหาอะไร
ส่วนเรื่องอาหารตอนแรกกินโน่นกินนี่จะคันตรงแผลผ่าตัดมากกกกก ของรสจัดเค็มหน่อยก็คัน กุ้งปูหอยของแสลงห้ามเด็ดขาด ระวังอาหารดีๆ แล้วมันจะค่อยๆหายคันไปเองเมื่อเวลาผ่านไป 2 เดือนต่อมาเราบอกคุณเฟี้ยตว่าอยากกินกุ้ง คุณเฟี้ยตบอกกินได้ค่ะ แต่ให้ลองจากตัวเล็กๆมากๆตัวนึงก่อน วันต่อมาก็ตัวเล็กๆอีกตัวหนึ่ง ถ้าคันก็หยุด ไม่คันก็กินต่อค่อยๆเพิ่ม แต่หอยกับแกงไตปลานี่ห้ามเด็ดขาด ถ้าคันให้หยุดทันทีไม่งั้นจะบวมเหมือนผ่าตัดใหม่ๆ เราก็ทำไปตามนั้นค่ะ ต่อมามันจะกินได้มากขึ้นๆและหายคันไปเอง ตอนนี้กินได้ทั้งจาน ขนาดใหญ่แบบกุ้งแม่น้ำก็ไม่มีปัญหา
ส่วนปูเริ่มลองกินหลังผ่าตัดไป 9 เดือน ตอนแรกกินคำเดียวก็คัน ไม่ได้กินบ่อยเพราะแพง ต่อมาเวลาผ่านไปก็หายไปเองค่ะ ตอนนี้กินปูนึ่งได้ 2 ตัวรวด แต่หอยปูดองปลาร้าเราไม่กินอยู่แล้ว เหล้าเบียร์เมื่อก่อนนี่ชอบมากแต่เห็นว่าแสลงมาก หลังผ่าตัดจนบัดนี้ก็ยังไม่กล้าลองแอลกอฮอล์ มีใครผ่าตัดผ่านไปนานๆลองแล้วเป็นอย่างไรบ้าง บอกกันได้นะคะ
โดย:
ฺBayLeaf
เวลา:
2015-1-6 20:28
แก้ไขครั้งสุดท้ายโดย ฺBayLeaf เมื่อ 2015-1-6 20:29
(ต่อค่ะ)
สุดท้ายเห็นหลายคนสงสัยว่าผ่าแก้จมูก หรือทำจมูกใส่แว่นได้หรือไม่ แว่นจะทำให้จมูกเบี้ยวหรือเปล่า เราเป็นคนตาแห้งมากขนาดหมอห้ามใส่contact lens ตลอดชีวิต เป็นมนุษย์แว่น 24 ชม. ขอยืนยันว่าใส่แว่นได้ค่ะ และไม่ทำให้จมูกเบี้ยว แต่ต้องเลือกชนิดแว่นดีๆ และทำตามที่คลินิกบอก 3 เดือนแรกหลังผ่าตัด คุณเฟี้ยตห้ามใส่แว่นก่อน เราไม่มีทางเลือกก็ยอมทนเบลอไป3เดือน ระหว่างนั้นใช้ชีวิตลำบากไปก่อนเพราะผิดหนังจมูกบางมาก รับน้ำหนักแว่นไม่ได้อยู่ดี ใส่ไปเป็นรอยช้ำชัดเจนมาก แถมเจ็บอีกตะหาก สัปดาห์สุดท้ายก่อนครบ3เดือนมีเหตุจำเป็นต้องใส่แว่นเพราะต้องไปต่างประเทศ อันนี้ไม่ใส่แว่นไม่ได้แล้วค่ะ แอบลักไก่ใส่แว่นไป3วัน แล้วเอาจมูกพร้อมรอยคล้ำๆที่โคนขาแว่นกดมาสารภาพบาปกับคุณเฟี้ยต คุณเฟี้ยตบอกว่ารอยน่ะไม่เป็นไรหรอก แต่จมูกเธอจะเบี้ยวนี่สิ แล้วสอนให้กดนวดจมูกไล่ซิลิโคนกลับที่เดิม เจ็บจบมึนแต่ต้องทำทุกวันจนครบ1เดือน ทำวันละหลายครั้ง จนคุณหมอบอกว่าซิลิโคนไหลกลับที่เดิมจมูกตรงแล้วเรียบร้อยค่ะ พ้น3เดือนใส่แว่นได้ก็เอาแว่นไปให้คุณเฟี้ยตดูก่อนเพื่อนเช็คว่าอันนี้จะทำให้จมูกเบี้ยวมั๊ย ระหว่างนั้นอาจใส่ๆถอดๆพักๆบ้าง พอเวลาผ่านไปผิวหนังแข็งแรงขึ้นก็จะหายเจ็บไปเองค่ะ ตอนนี้เป็นมนุษย์แว่น 24 ชม.เหมือนเดิม ไม่มีปัญหาอะไร ของเราเป็นแว่นกรอบพลาสติกไม่มีขาแป้นและน้ำหนักเบา (แว่นเกาหลีๆกรอบราคาไม่แพง แต่เบาเลยใช้มานานแล้ว)
ส่วนรูป เดิมถ่ายไว้ทุกสเต็ปรวมทั้งรูปซิลิโคนเหลวตอนเพิ่งผ่าออกมาด้วย แต่ไอโฟนดันจอดำต้อง restoreเครื่องใหม่หมด ชะล่าใจไม่back upไว้อีก อารยธรรมล่มสลายไปหมดเลย
เลยกลายเป็นกระทู้ textล้วนที่พิมพ์ยาวมาก (กว่าจะเจียดเวลามานั่งเขียนได้คือได้หยุดยาวๆช่วงปีใหม่) และเราไม่ได้ค่าโปรโมทโฆษณาอะไรแต่อย่างใด แถมไม่ได้ไปหาคุณหมอมาเกือบครึ่งปีแล้วด้วย เพราะหลังจากเช็คครั้งสุดท้ายนั้นก็ไม่มีปัญหาอะไรค่ะ และบอร์ดนี้เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เราตัดสินใจเลือกณพลักษณ์คลินิค และผลออกมาคือไม่ผิดหวัง ใช้ชีวิตได้ปกติสบายมาก
เลยหวังว่าตรงนี้จะเป็นประโยชน์กับเพื่อนๆบ้างนะคะ
ขอบคุณค่ะ
โดย:
puypuk
เวลา:
2015-1-7 01:15
ขอดูรูปคร้า
ยินดีต้อนรับสู่ ดั้งโด่งดอทคอม (http://dungdong.com/)
Powered by Discuz! X3.2